วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปล : การผจญภัยของอลิซในดินแดนมหัศจรรย์



การผจญภัยของอลิซในดินแดนมหัศจรรย์

(first)
ด้านล่างของหลุมกระต่าย
            อลิซกำลังเริ่มรู้สึกเบื่อมาก เธอและพี่สาวของเธอกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พี่สาวของเธอกำลังอ่านหนังสือ แต่อลิซไม่มีอะไรทำ หนึ่งหรือสองครั้งที่เธอมองไปยังหนังสือของพี่สาวของเธอ แต่ในนั้นไม่มีแม้ภาพหรือบทสนทนาใดๆ
            “และอะไรคือการใช้หนังสือ” อลิซคิด “ไม่มีภาพหรือบทสนทนาเลยเหรอ”
            เธอพยายามคิดที่จะหาบางอย่างทำ แต่วันนั้นอากาศร้อนและเธอรู้สึกง่วงและเบื่อหน่าย เธอยังคงกำลังนั่งและคิดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นกระต่ายสีขาวที่มีนัยน์ตาสีชมพูตัวหนึ่งวิ่งผ่านเธอไป
            มันไม่มีอะไรแปลกเลยจริงๆ ที่จะมองกระต่ายตัวนั้น และอลิซก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยเมื่อกระต่ายพูดว่า “โอ้! ที่รัก โอ้! ที่รัก ฉันจะสายแล้ว” (บางทีมันเป็นความแปลกเพียงเล็กน้อย อลิซคิดหลังจากนั้น แต่ในเวลานั้นเธอไม่ได้ประหลาดใจเลย)
            แต่หลังจากนั้น กระต่ายตัวนั้นหยิบนาฬิกาออกมาจากกระเป๋าของมัน มองนาฬิกา และรีบไป ในเวลานั้นอลิซจึงกระโดดขึ้น
            “ฉันไม่เคยเห็นกระต่ายกับกระเป๋าหรือนาฬิกาที่เอาออกมาจากกระเป๋าของกระต่ายนั้นมาก่อน” เธอคิด และเธอวิ่งข้ามทุ่งนาตามหลังกระต่ายตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว เธอยังไม่หยุดคิด และเมื่อกระต่ายตัวนั้นวิ่งลงไปในหลุมขนาดใหญ่ของมัน อลิซก็ลงตามมันไปอย่างทันทีทันใด
            หลังจากทางเล็กๆในหลุมกระต่ายที่ได้ลงไปอย่างรวดเร็วและลึกลงไปใต้พื้นดินนั้น อลิซไม่สามารถหยุดร่างกายของเธอที่กำลังหล่นลงไปได้เช่นกัน
            มันเป็นหลุมที่แปลกมาก อลิซกำลังหล่นลงไปอย่างช้าๆ และเธอมีเวลาที่จะคิดและมองไปรอบๆตัวเธอมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านล่างเธอเพราะมันมืดมาก แต่เมื่อเธอมองไปด้านข้างของหลุมนั้น เธอสามารถมองเห็นตู้ หนังสือและภาพที่อยู่บนผนัง เธอมีเวลาที่จะนำสิ่งของออกมาจากตู้และมองมัน และวางคืนกลับไปในตู้ที่ต่ำลงไป
            “ดีเลย” อลิซคิด “หลังจากหล่นลงมาแบบนี้แล้ว ฉันสามารถหล่นลงไปได้ทุกแห่ง ฉันสามารถหล่นบันไดที่บ้านลงมาได้ และฉันจะไม่ร้องไห้หรือพูดอะไรเกี่ยวกับมัน”
            ต่ำลง ต่ำลง และต่ำลง “ตอนนี้ฉันหล่นลงมาไกลแค่ไหนแล้วนะ” อลิซพูดกับตัวเองเสียงดัง “บางทีฉันอยู่ใกล้ศูนย์กลางของโลกแล้ว ให้ฉันไดคิด 4,000 ไมล์แล้วที่ฉันหล่นลงมา” (อลิซเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากจึงสามารถจำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้มาก)
            ต่ำลง ต่ำลง และต่ำลง เธอจะหยุดหล่นลงมาไหม อลิซใกล้จะหลับแล้ว ทันใดนั้นเธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นดิน เธอกระโดดขึ้นยืนอย่างเร็วและมองไปรอบๆ เธอเห็นกระต่ายสีขาวตัวนั้นผู้ซึ่งกำลังรีบเร่งและยังคงกำลังพูดกับตัวเองว่า “โอ้! หูและหนวดของฉัน ฉันสายมาเท่าไหร่แล้ว”
            อลิซวิ่งตามเขาไปราวกับลม เธอกำลังจะเข้าใกล้เขามากขึ้นแล้ว เมื่อเขาเลี้ยวเข้ามุมอย่างเร็ว อลิซวิ่งเข้าไปในมุมเช่นกัน และเธอก็หยุดลง ตอนนี้เธออยู่ในห้องยาวๆและมืด ซึ่งมีประตูรอบๆผนัง และเธอมองไม่เห็นกระต่ายสีขาวตัวนั้นอีกเลย
เธอพยายามที่จะเปิดประตู แต่ประตูทุกบานถูกล็อกไว้ “ฉันจะออกไปข้างนอกอีกครั้งได้ยังไงกันนะ” เธอคิดอย่างเศร้าๆ หลังจากนั้นเธอเห็นโต๊ะแก้วขนาดเล็กซึ่งมีสามขาและบนโต๊ะนั้นมีกุญแจสีทองที่เล็กมากวางอยู่ อลิซไปคว้ากุญแจมาอย่างรวดเร็วและพยายามเปิดประตูทุกบาน แต่ที่รัก แม่กุญแจมันใหญ่เกินไปหรือกุญแจมันเล็กเกินไป แต่เธอไม่สามารถเปิดประตูบานไหนได้เลย
            จากนั้นเธอเห็นประตูอีกบานหนึ่ง ประตูบานนั้นมีความสูงเพียง 40 เซนติเมตร กุญแจสีทองนั้นดอกนั้นสามารถไขประตูบานนี้ออกได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างแน่นอน อลิซไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เพราะว่าเธอตัวใหญ่เกินไป ดังนั้นเธอจึงล้มตัวลงนอนบนพื้นและมองผ่านประตูที่ถูกเปิดไว้ออกไปในสวนที่สวยงามและมีต้นไม้เขียวขจีและดอกไม้สีฉูดฉาดมากมาย
            อลิซผู้น่าสงสารไม่มีความสุขเลย “สวนอะไรมหัศจรรย์ขนาดนี้” เธอพูดกับตัวเอง “ฉันอยากออกไปข้างนอกนั้น ไม่อยากอยู่ในห้องมืดๆนี้ ทำไมฉันไม่สามารถเล็กลงได้”  มันเป็นวันที่แปลกมากๆ และอลิซกำลังเริ่มคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปได้
            หลังจากเวลานั้นเธอล็อกประตูอีกครั้ง ลุกขึ้นและกลับไปยังโต๊ะแก้ว เธอวางกุญแจลงและเธอเห็นขวดเล็กๆ บนโต๊ะ (ฉันมั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนี้มาก่อน อลิซพูด) รอบคอขวดมีกระดาษชิ้นเล็กๆ ที่ถูกเขียนไว้ตัวใหญ่ๆ ว่า “ดื่มฉัน”
แต่อลิซเป็นเด็กที่มีความรอบคอบ “มันอันตรายที่จะดื่มของจากขวดอันประหลาดนี้” เธอพูด “มันจะทำอะไรฉันนะ” เธอดื่มไปเล็กน้อยอย่างช้าๆ รสชาติมันดีมาก มันเหมือนกับช็อกโกแลตและส้มและกาแฟร้อนที่หวานๆ และในที่สุดอลิซดื่มมันจนหมด
“ความรู้สึกอะไรแปลกขนาดนี้” อลิซพูด “ฉันคิดว่าฉันเล็กลงและเล็กลงทุกๆวินาที” และไม่กี่นาทีต่อมาเธอสูงแค่ 25 เซนติเมตร “และตอนนี้” เธอพูดอย่างมีความสุข “ฉันสามารถผ่านประตูบานเล็กนี้ไปยังสวนที่สวยงามนั้นได้”
            เธอวิ่งไปยังประตูนั้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเธอไปถึงเธอจำได้ว่าเธอเอากุญแจสีทองดอกเล็กๆนั้นกลับไปไว้บนโต๊ะ เธอวิ่งกลับไปที่โต๊ะเพื่อเอากุญแจนั้นมา แต่อย่างแน่นอนตอนนี้เธอเล็กเกินไป กุญแจวางอยู่บนโต๊ะซึ่งอยู่สูงกว่าเธอมาก เธอพยายามอย่างหนักเพื่อจะปีนขาโต๊ะขึ้นไป แต่เธอไม่สามารถทำได้
            ในที่สุดเธอทั้งเหนื่อยและไม่มีความสุข อลิซนั่งลงบนพื้นและร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอพูดกับตัวเองโกรธเคือง
“มานี่” เธอพูด “หยุดร้องสักที ร้องไห้ไปเพื่ออะไร” เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ประหลาดคนหนึ่งและมักจะพูดกับตัวเองแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
            ไม่นานเธอเห็นกล่องแก้วขนาดเล็กที่อยู่บนพื้นใกล้ๆเธอ เธอเปิดมันออกและพบว่ามันมีเค้กขนาดเล็กมากและมีคำว่า “กินฉัน” อยู่บนเค้กนั้น
            ตอนนี้ไม่มีอะไรที่อลิซต้องประหลาดใจอีกแล้ว “ดีเลย ฉันจะกินมัน” เธอพูด “ถ้าฉันสูงขึ้น ฉันจะสามารถหยิบกุญแจบนโต๊ะนั้นได้ และถ้าฉันเล็กลงฉันจะสามารถลอดใต้ประตูนั้นได้ มันมีหนึ่งทางหรือมากกว่านั้นที่ฉันจะเข้าไปในสวนนั้นได้ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
            เธอกินเค้กไปเล็กน้อย และยกมือวางบนหัวของเธอ “ทางไหน ทางไหน” เธอถามตัวเองด้วยความกดดันเล็กน้อย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่น่าประหลาดใจเลยจริงๆ โดยปกติแล้วคนเราไม่สามารถสูงขึ้นหรือเตี้ยลงเมื่อพวกเขากินเค้กได้ แต่วันนี้มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับอลิซมากมาย  “มันน่าเบื่อมากไปแล้วนะ” เธอพูด “ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ดังนั้นเธอจึงกินเค้กต่อจนหมดในที่สุด

สระน้ำตา
“แปลกอีกและแปลกเข้าไปอีก” อลิซพูด (เธอประหลาดใจมากจนลืมวิธีการพูดภาษาอังกฤษที่ดีไปในนาทีนั้น)
“ฉันจะสูงเท่าบ้านภายใน 1 นาที” เธอพูด เธอพยายามมองลงไปที่เท้าของเธอและได้แต่มองมัน “ลาก่อน เท้า” เธอร้องออกมา “ใครจะใส่รองเท้าให้เธอละตอนนี้ โอ้! ที่รัก ฉันกำลังพูดอะไรไร้สาระอยู่เนี่ย”
            หลังจากนั้น หัวของเธอชนกับเพดานห้อง ตอนนี้เธอสูง 3 เมตร เธอคว้ากุญแจสีทองดอกเล็กๆ นั้นมาจากโต๊ะและรีบไปที่ประตูสวนโดยทันที
อลิซผู้น่าสงสาร เธอนอนลงบนพื้นและมองไปยังสวนนั้นด้วยตาข้างเดียว เธอไม่สามารถแม้แต่จะยื่นหัวผ่านออกไปนอกประตูได้
            เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ร้องไห้และร้องไห้ออกมา น้ำตาของเธอร่วงหล่นลงจากใบหน้าของเธอ และในที่สุดพื้นตรงนั้นกลายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำล้อมรอบตัวเธอ เธอได้ยินเสียงหนึ่งดังมา เธอจึงหยุดร้องอย่างกะทันหันเพื่อจะฟังมัน
            “โอ้! ท่านหญิง ท่านหญิง เธอจะต้องโกรธมาก ฉันสายแล้วและเธอกำลังคอยฉันอยู่ โอ้! ที่รัก โอ้! ที่รัก”
            มันคือกระต่ายสีขาวตัวนั้นอีกแล้ว เขากำลังรีบลงไปยังห้องยาวๆนั้น โดยในมือข้างหนึ่งมีถุงมือสีขาวอยู่และมีพัดอันใหญ่ในมืออีกข้างหนึ่ง
            อลิซกลัว แต่เธอต้องการความช่วยเหลือ เธอพูดอย่างเงียบๆ ว่า “โอ้! ได้โปรดเถิดคุณ”
กระต่ายตัวนั้นกระโดดรีบเร่งและโยนถุงมือและพัดทิ้งและรีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
            อลิซเก็บพัดและถุงมือนั้นขึ้นมา ในห้องนั้นร้อนมากเธอจึงเริ่มพัดลมให้ตัวเองและพูดว่า “โอ้! ที่รัก ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ทำไมถึงได้แปลกประหลาดอย่างนี้ เปลี่ยนไปเป็นกลางคืนเลยได้ไหม วันนี้ฉันเป็นบุคคลที่ไม่ปกติใช่ไหมถ้าฉันเป็นบุคคลที่ไม่ปกติ ดังนั้นคำถามต่อไปคือ ฉันเป็นใคร อ้า! มันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด”
            เธอเริ่มรู้สึกไม่มีความสุขอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอมองลงไปที่มือของเธอ เธอกำลังสวมถุงมือของกระต่ายสีขาวตัวนั้นอยู่ข้างหนึ่ง “ฉันใส่มันได้อย่างไร” เธอคิด “โอ้! ฉันเล็กลงอีกครั้ง” เธอมองไปรอบๆ ห้อง “ฉันสูงมากกว่าครึ่งเมตรเรียบร้อยแล้ว และเล็กลงทุกๆวินาที ฉันจะหยุดมันได้อย่างไร” เธอมองพัดในมือเธอและโยนมันทิ้งโดยทันที
            ตอนนี้เธอตัวเล็กมากๆ และประตูสวนบานนั้นถูกล็อกอีกครั้ง และกุญแจสีทองดอกนั้นยังคงกำลังวางอยู่บนโต๊ะแก้ว
สิ่งของเหล่านั้นแย่ลงกว่าเคย อลิซคิดอย่างสังเวช เธอเดินออกมาจากประตูและตกลงไปในน้ำเค็มที่สูงถึงคอของเธอ ในตอนแรกเธอคิดว่ามันคือทะเล แต่เมื่อเธอมองออกไปมันคือสระน้ำตา น้ำตาของเธอ การร้องของเธอในขณะที่เธอสูง 3 เมตร ทำให้มีน้ำตาจำนวนมาก
“โอ้! ทำไมฉันถึงได้ร้องไห้มากขนาดนี้” อลิซพูด เธอว่ายน้ำไปรอบๆและมองหาทางออก แต่สระนั้นมันใหญ่มาก เธอเห็นสัตว์ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในน้ำใกล้กันกับเธอ มันดูเหมือนสัตว์ขนาดใหญ่สำหรับอลิซ แต่มันเป็นเพียงหนู
            อลิซคิดว่า “ฉันจะพูดกับมันได้ไหม ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่มันล้วนแปลกมาก ดังนั้นบางทีหนูตัวนี้น่าจะสามารถพูดได้”
เธอจึงเริ่มพูดว่า “โอ้! หนู คุณรู้ทางออกจากสระนี้ไหม ฉันเหนื่อยมากกับการว่ายน้ำ โอ้! หนู” (อลิซไม่รู้หรอกว่านั่นคือการพูดที่ถูกต้องที่จะพูดกับหนู แต่เธอต้องการที่จะสุภาพ)
            หนูมองมาที่เธอด้วยตาคู่เล็กของมัน แต่มันไม่พูดอะไร
“บางทีมันอาจไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ” อลิซคิด “บางทีมันอาจเป็นหนูฝรั่งเศส” ดังนั้นเธอจึงเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง และเธอก็พูดเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “แมวของฉันอยู่ไหน” (มันคือประโยคแรกในหนังสือเรียนภาษาฝรั่งเศสของเธอ)
            หนูตัวนั้นกระโดดไปครึ่งสระและมองมาที่เธอโกรธเคือง
“โอ้! ฉันขอโทษ” อลิซร้องออกมาทันที “แน่นอนคุณไม่ชอบแมว จริงไหม”
“ชอบแมวเหรอ” หนูตัวนั้นร้องออกมาด้วยเสียงสูงและเต็มไปด้วยความโกรธ “มีหนูตัวไหนบ้างที่ชอบแมว”
อลิซจึงเริ่มพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ดีเลย บางทีอาจจะไม่มี”
            แต่ในตอนนี้หนูตอนนั้นกำลังว่ายน้ำหนีไปแล้ว และในตอนนี้อลิซอยู่คนเดียวอีกครั้ง ในที่สุดเธอพบทางออกจากสระน้ำนั้นและนั่งลงบนพื้นดิน เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีความสุข แต่ในขณะนั้นกระต่ายสีขาวนั้นได้ผ่านไปอีกครั้ง เขากำลังมองหาถุงมือสีขาวและพัดของเขา
“ท่านหญิง ท่านหญิง โอ้! หูและหนวดของฉัน เธอจะตัดมือฉัน ฉันรู้ เธอจะทำ โอ้! ฉันไปทิ้งถุงมือไว้ที่ไหนกันนะ” หลังจากนั้นเขาเห็นอลิซ “ทำไมแมรี่ แอนน์ คุณมาทำอะไรที่นี่ วิ่งไปที่บ้านอีกครั้งและเธอช่วยไปเอาถุงมือและพัดมาให้ฉันตอนนี้เลย เร็ว!”
            อลิซรีบไปแล้วเธอคิดในขณะที่เธอวิ่งว่า “บ้านของเขาอยู่ไหนล่ะ” น่าแปลกที่ในห้องยาวๆนั้น มันไม่ไกลเลยที่จะไปยังประตู แต่ข้างนอกในป่านนี้มันไม่ใช่ เธอวิ่งและวิ่งไปแต่ยังไม่เห็นบ้านที่ไหนสักแห่ง ดังนั้น เธอจึงนั่งลงใต้ดอกไม้ดอกหนึ่งเพื่อพักผ่อน

(second)
บทสนทนากับหนอนผีเสื้อ
“ตอนนี้” อลิซพูดกับตัวเอง “อันดับแรก ฉันต้องใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและจากนั้นฉันต้องหาทางเข้าไปยังสวนแสนสวยนั่น ฉันคิดว่ามันจะต้องเป็นแผนที่ดีที่สุด แต่ที่รัก! ฉันจะโตขึ้นได้อย่างไร บางทีฉันอาจจะต้องกินหรือดื่มอะไรบางอย่าง แต่คำถามคือ มันคืออะไรล่ะ”
อลิซมองไปยังดอกไม้และต้นไม้รอบๆตัวเธอ แต่เธอไม่เห็นสิ่งใดเลยที่เธอจะสามารถกินได้ ในขณะนั้นเธอเห็นเห็ดขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ เธอมันสูงเท่ากับส่วนสูงของเธอ เธอเดินข้ามไปเพื่อมองมันและบนยอดเห็ดนั้นมีหนอนผีเสื้อตัวใหญ่กำลังสูบบุหรี่ทางท่ออยู่ หลังจากชั่วครู่หนึ่งหนอนผีเสื้อจึงได้เอาท่อนั้นออกจากปากและพูดกับอลิซช้าๆ ด้วยเสียงง่วงๆว่า “เธอเป็นใคร”
“ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ท่าน” อลิซพูด “ฉันรู้เพียงว่าฉันเคยเป็นใครตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาเช้า แต่ฉันเปลี่ยนไปบ่อยมาก จนมาถึงตอนนี้ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเป็นคนที่แปลก”
“เธอหมายถึงอะไร” หนอนผีเสื้อพูด “อธิบายตัวเธอมาสิ”
“ฉันไม่สามารถอธิบายถึงตัวฉันได้เลยท่าน” อลิซพูด “เพราะว่าฉันไม่ใช่ตัวฉันเอง คุณก็รู้”
“ฉันไม่รู้” หนอนผีเสื้อพูด
            “มันยากที่จะอธิบาย” อลิซตอบอย่างสุภาพ “นาทีหนึ่งฉันตัวเล็กมาก อีกนาทีต่อมาฉันสูงเท่าบ้านหลังจากนั้นฉันตัวเล็กลงอีกครั้งหนึ่ง โดยปกติแล้วฉันอยู่เหมือนเดิมทั้งวันและการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆทำให้ฉันรู้สึกแปลกมาก”
            “เธอ” หนอนผีเสื้อพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนัก “เธอเป็นใคร”
            ตอนนี้พวกเขาได้กลับมายังจุดเริ่มต้นของการสนทนาอีกครั้งซึ่งบทสนทนาที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเลย อลิซรู้สึกฉุนเฉียวเล็กน้อยและได้ตัดสินใจเดินจากมา
            “กลับมา” หนอนผีเสื้อเรียกเธอไว้ “ฉันมีบางสิ่งซึ่งสำคัญที่จะพูด”
เสียงนั้นดีขึ้น อลิซจึงกลับไป
            “ไม่ต้องโกรธ” หนอนผีเสื้อพูด
“แค่นั้นเหรอ” อลิซพูด เธอกำลังพยายามไม่โกรธ
“ไม่” หนอนผีเสื้อพูด หลายนาทีที่มันสูบบุหรี่ด้วยท่อและไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดมันเอาท่อออกจากปากและพูดว่า “เธอเปลี่ยนไปใช่ไหม เธอต้องการสูงเท่าไหร่ล่ะ”
“ฉันต้องการให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้เล็กน้อย ท่าน ได้โปรดเถอะ” อลิซพูด “8 เซนติเมตรมันเล็กมาก”
ในขณะนั้นหนอนผีเสื้อสูบท่อนั้น จากนั้นมันสั่นตัวเอง มันลงมาจากเห็ดและเคลื่อนไปยังหญ้าอย่างช้า ๆ มันไม่มองกลับมาที่อลิซ แต่กลับพูดว่า “ข้างหนึ่งจะทำให้เธอสูงขึ้น และอีกข้างหนึ่งจะทำให้เธอเตี้ยลง”
“ข้างหนึ่งของอะไร” อลิซคิด
เธอไม่ได้พูดดังแต่หนอนผีเสื้อกลับพูดว่า “ของเห็ดนั้น” หลังจากนั้นมันเคลื่อนเข้าไปในป่า
อลิซมองไปที่เห็ดอย่างระมัดระวัง แต่มันกลมและไม่มีมุม ในที่สุดเธอแยกส่วนของเห็ดด้วยมือจากด้านตรงข้าม เธอกินส่วนหนึ่งของฝั่งที่อยู่ซ้ายมือเธอและรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นาทีต่อมาหัวของเธอสูงเท่าต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่านั้น และเธอกำลังมองไปยังทะเลของเหล่าใบไม้สีเขียว หลังจากนั้นนกตัวหนึ่งได้โผล่ออกมาและเริ่มบินไปรอบๆ หัวของเธอ และกำลังกรีดร้องว่า “โจรขโมยไข่ โจรขโมยไข่ ไปให้พ้น”
“ฉันไม่ใช่โจรขโมยไข่” อลิซพูด
“โอ้! ไม่” นกพูดอย่างโกรธเคือง “แต่คุณกินไข่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ฉันกิน แต่ฉันไม่ได้ขโมยมัน” อลิซอธิบายอย่างเร็ว “พวกเรากินมันในมื้อเช้า คุณก็รู้”
“เธอเอามันมาได้อย่างไร หากเธอไม่ได้ขโมยมันมา” นกตะโกน
มันเป็นคำถามที่อยากจะตอบ ดังนั้นอลิซจึงยกมือขวาขึ้นท่ามกลางใบไม้เล็กๆ กินเห็ดอีกฝั่งหนึ่ง เธอเริ่มเล็กลงเหมือนตอนแรก อย่างระมัดระวังมากขึ้นเธอกินจากฝั่งแรกก่อน แล้วจึงตามด้วยอีกฝั่งจนกระทั่งเธอสูงประมาณ 25 เซนติเมตร
 “มันดีกว่า” เธอพูดกับตัวเอง “และตอนนี้ฉันต้องตามหาสวนนั้น” เธอเริ่มเดินผ่านป่าและหลังจากนั้นเธอได้เข้ามาในบ้านหลังเล็ก

แมวเซสเชอร์
            มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่นอกประตูพร้อมกับจดหมายขนาดใหญ่ในมือของเขา (เขาแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย แต่หน้าของเขาเหมือนปลา) อลิซคิด เด็กชายปลาเคาะประตู และวินาทีต่อมาจานขนาดใหญ่ลอยออกมานอกหน้าต่างที่เปิดอยู่
            “จดหมายจากท่านหญิง” เด็กชายปลาตะโกน เขาสอดจดหมายไว้ใต้ประตูและจากไป
            อลิซเดินไปเคาะประตูแต่ข้างในนั้นเสียงดังมากและไม่มีใครขานรับ เธอจึงเปิดประตูและเดินเข้าไป
เธอพบว่าเธออยู่ในครัวที่เต็มไปด้วยควัน ที่นั่นมีแม่ครัวที่โกรธดั่งไฟและตรงกลางห้องมีท่านหญิงกำลังนั่งอุ้มเด็กที่กำลังกรีดร้องอยู่ ทุกๆ 2-3นาที จานจะตกลงพื้นอย่างเร็ว ที่นั่นมีแมวตัวใหญ่ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังยิ้มปากฉีกถึงหูด้วย
            “ได้โปรด” อลิซพูดอย่างสุภาพกับท่านหญิง “ทำไมแมวของคุณถึงยิ้มแบบนั้น”
            “มันคือแมวเชสเซอร์” ท่านหญิงพูด “ทำไม”
            “ฉันไม่รู้ว่าแมวสามารถยิ้มได้” อลิซพูด
“หึ เธอไม่รู้อะไรอีกมาก” ท่านหญิงพูด
            จานใบอื่น ๆ ตกลงมาที่พื้นและอลิซกระโดดขึ้น “ที่นี่” ท่านหญิงพูดต่อว่า “เธอสามารถอุ้มเด็กได้นะถ้าเธอชอบ ราชินีได้เชิญให้ฉันไปเล่นบอลลอดห่วงและฉันต้องไปเตรียมตัว” เธอว่างเด็กคนนั้นลงในอ้อมแขนของอลิซและรีบออกจากห้องไป
            “โอ้! เด็กน้อยผู้น่าสงสาร” อลิซพูดในขณะที่กำลังมองไปยังเด็กที่มีหน้าตาแปลกประหลาด เธอพาเด็กนั้นออกมาข้างนอกแล้วเข้าไปในป่าและเดินรอบๆต้นไม้ จากนั้นเด็กคนนั้นจึงเริ่มทำเสียงแปลกๆ และอลิซได้มองไปที่หน้าของเด็กอีกครั้ง ตาของเด็กเล็กมากๆ และจมูกของเด็กนั้นดูคล้ายจมูกหมู
            “อย่าทำเสียงแบบนั้น ที่รัก” อลิซพูด “มันไม่สุภาพคุณกำลังเริ่มทำเสียงเหมือนหมู”
            แต่ 2 -3 นาทีต่อมา มันไม่มีความผิดพลาด เด็กนั้นเป็นหมู อลิซวางมันลงบนพื้นอย่างระวัง แล้วมันวิ่งเข้าไปในป่าเงียบๆด้วยสี่ขาของมัน
            “ฉันชอบมัน” อลิซพูดกับตัวเอง “มันเป็นหมูที่ดูดีตัวหนึ่ง แต่มันจะแย่มากที่จะเป็นเด็กหน้าตาแบบนั้น”
เธอกำลังคิดเกี่ยวกับหมูและเด็ก เมื่อเธอเห็นแมวเชสเซอร์บนต้นไม้ แมวตัวนั้นยิ้มยิงฟันมายังเธอและเธอได้เข้าไปใกล้มัน
            “ได้โปรด” เธอพูด “คุณบอกฉันได้ไหมว่าทางไหนที่จะออกจากที่นี่ได้”
            “แต่เธอต้องการไปที่ไหนล่ะ” แมวตัวนั้นพูด
            “มันไม่สำคัญเลย” อลิซเริ่ม
            “ดังนั้น มันก็ไม่สำคัญว่าทางไหนที่เธอจะไป” แมวพูด
            “แต่ฉันต้องการไปบางแห่ง” อลิซอธิบาย
            “ถ้าเธอแค่เดินต่อไป” แมวพูด “ในที่สุดเธอจะถึงที่แห่งหนึ่ง”
            มันก็จริง อลิซคิดแต่ไม่ช่วยอะไรมาก ดังนั้นเธอจึงพยายามถามคำถามอื่น “ผู้คนที่อยู่แถวนี้เป็นคนประเภทไหน”
            “ทางซ้าย” แมวพูด “คนขายหมวกอยู่ และทางขวากระต่ายมีนาคมอยู่ เธอสามารถไปเยี่ยมได้ทั้งสองทางพวกเขาบ้าทั้งคู่”
            “แต่ฉันไม่ต้องการไปเจอคนบ้า” อลิซพูด
            “พวกเราที่นี่บ้าทั้งหมด เธอก็รู้” แมวพูด “ฉันบ้า เธอบ้า”
            “คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันบ้า” อลิซพูด
            “เพราะว่าเธอบ้า” แมวพูด “มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่มาที่นี่”
            อลิซกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น แต่แมวยังพูดต่อไป “วันนี้ คุณจะเล่นบอลลอดห่วงกับราชินีไหม”
            “ฉันต้องการมากๆ” อลิซพูด “แต่ยังไม่มีใครเชิญฉันเลย”
            “เธอจะเห็นฉันที่นั่น” แมวพูดและหายไป
            อลิซไม่ประหลาดใจกับสิ่งนั้นเลยเพราะว่าวันนี้มีหลายสิ่งแปลกๆที่ได้เกิดขึ้น เธอยังคงกำลังมองไปยังต้นไม้นั้น ทันใดนั้นแมวปรากฏขึ้นอีกครั้ง
            “ฉันลืมถามเลย” แมวพูด “เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก”
“มันกลับไปเป็นหมู” อลิซพูด
“ฉันไม่ประหลาดใจ” แมวพูดและหายไปอีกครั้ง
            อลิซเริ่มเดินต่อไปและตัดสินใจไปเยือนกระต่ายมีนาคม “ตอนนี้มันเป็นเดือนพฤษภาคม” เธอพูดกับตัวเอง “ดังนั้น บางทีกระต่ายจะไม่บ้าเท่ากับตอนที่เขาอยู่ในเดือนมีนาคม”
            ทันใดนั้น ที่นั่นมีแมวเชสเซอร์กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้อีกต้นหนึ่งอีกครั้ง อลิซกระโดดด้วยความประหลาดใจ
            “คุณคิดว่า” เธอพูดอย่างสุภาพ “คุณสามารถมาและไปให้ช้าลงหน่อยได้ไหม”
“ตกลง” แมวพูดและในเวลานั้นมันได้หายไปอย่างช้าๆ ตอนแรกหางมันหายไป ต่อมาตัวของมันจากนั้นหัวของมัน และสุดท้ายรอยยิ้มของมัน
            “ดี ฉันเห็นแมวที่ไม่มีรอยยิ้มบ่อยๆ” อลิซคิด “แต่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่ไม่มีแมวเลย”
            ในไม่ช้าเธอเห็นบ้านของกระต่ายมีนาคมอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว มันเป็นบ้านที่ใหญ่มาก ดังนั้นเธอจึงได้กินส่วนเล็กๆของเห็ด เพื่อให้ตัวโตขึ้นและเดินเข้าไปข้างใน

(third)
งานเลี้ยงน้ำชาบ้าๆ
            ที่นั่นมีโต๊ะตัวหนึ่งอยู่ใต้ต้นไม้นอกบ้าน และมีกระต่ายมีนาคมและคนขายหมวกกำลังดื่มน้ำชากันอยู่ มีหนูตัวหนึ่งกำลังนั่งหลับอยู่ระหว่างพวกเขา พวกเขาทั้งสามกำลังนั่งด้วยกันที่มุมหนึ่งของโต๊ะ แต่โต๊ะตัวใหญ่มากและมีที่นั่งเหลือกอีกเยอะ อลิซได้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงขอบหนึ่ง
“มีกาแฟนะ” กระต่ายมีนาคมพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
อลิซมองไปรอบโต๊ะ แต่เธอไม่เห็นหม้อชาเลย “ฉันไม่เห็นกาแฟเลยสักนิด” เธอพูด
            “ก็ไม่มีนะสิ” กระต่ายมีนาคมพูด
            “ดังนั้น ทำไมคุณถึงบอกให้ฉันดื่มละ” อลิซพูดอย่างฉุนเฉียว “คุณไม่สุภาพเลย”
            “คุณก็ไม่สุภาพที่นั่งลง เราไม่ได้เชิญคุณมาดื่มน้ำชาเลย” กระต่ายมีนาคมพูด
            “แต่มันมีที่นั่งเยอะแยะ” อลิซพูด
            “ผมของคุณยาวเกินไป” คนขายหมวกพูดในขณะที่กำลังมองไปที่อลิซด้วยความสนใจ
            “มันไม่สุภาพเลยที่จะพูดแบบนั้น” อลิซพูด
            คนขายหมวกมองอย่างประหลาดใจ แต่เขาพูดว่า “ทำไมนกถึงเหมือนโต๊ะ”
อลิซชอบใจ เธอสนุกกับการเล่นเกมคำศัพท์ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “มันเป็นคำถามที่ง่าย”
“คุณหมายถึง คุณรู้คำตอบใช่ไหม” กระต่ายมีนาคมพูด
“ใช่” อลิซพูด
“ดังนั้น คุณต้องพูดว่าคุณหมายถึงอะไร” กระต่ายมีนาคมพูด
“ได้สิ” อลิซพูดอย่างเร็ว “ดี ฉันหมายถึงสิ่งที่ฉันพูด และมันก็เหมือนกับสิ่งที่คุณรู้”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น” คนขายหมวกพูด “ฟังนะ ฉันเห็นสิ่งที่ฉันกินหมายถึงอย่างหนึ่ง แต่ฉันกินสิ่งที่ฉันเห็นหมายถึงบางอย่างที่แตกต่าง”
อลิซไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรอีก ดังนั้นเธอจึงดื่มชาและกินขนมปังเนย ในตอนที่เธอคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น หนูก็ตื่นขึ้นมา 1 นาทีแล้วหลับลงอีกครั้ง จากนั้นชั่วขณะหนึ่ง คนขายหมวกเอานาฬิกาออกมา เขาเขย่ามันและมองอย่างเศร้าใจ
“ช้าไป 2 วัน บอกคุณแล้วว่าเนยมันไม่ดีต่อนาฬิกา” เขาพูดอย่างโกรธเคืองกับกระต่ายมีนาคม
“มันเป็นเนยที่ดีที่สุด” กระต่ายมีนาคมพูดอย่างเศร้าใจ
อลิซกำลังมองที่นาฬิกาด้วยความสนใจ “มันเป็นนาฬิกาที่แปลก” เธอพูด “มันแสดงแค่วัน แต่ไม่แสดงเวลา”
“แต่เรารู้เวลา” คนขายหมวกพูด “ที่นี่ 6 นาฬิกาเสมอ”
อลิซไม่เข้าใจโดยทันที “ทำไมมันมีถ้วยและจานพวกนี้งั้นเหรอ” เธอพูด “มันเป็นเวลาน้ำชาเสมอ และพวกคุณก็เคลื่อนไปรอบโต๊ะเรื่อยๆใช่ไหม แต่อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคุณกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง”
“อย่าถามคำถาม” กระต่ายมีนาคมพูดอย่างฉุนเฉียว “เธอต้องเล่าเรื่องให้พวกเราฟังเดี๋ยวนี้”
“แต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย” อลิซพูด
จากนั้นกระต่ายมีนาคมและคนขายหมวกกลับไปที่หนูนั้น “ตื่น เจ้าหนู” พวกเขาตะโกนอย่างดังไปในหูของมัน “เล่าเรื่องให้เราฟังหน่อย”
“ใช่ ได้โปรด” อลิซพูด
หนูตื่นขึ้นและเริ่มเล่าเรื่องอย่างเร็ว แต่ 2-3 นาทีต่อมามันก็หลับอีกครั้ง กระต่ายมีนาคมเทชาร้อนลงบนจมูกของหนูเล็กน้อย และคนขายหมวกเริ่มมองหาจานที่สะอาด อลิซตัดสินใจเดินออกมาและเข้าไปในป่า เธอมองกลับไปครั้งหนึ่งและกระต่ายมีนาคมและคนขายหมวกกำลังพยายามจะจับหนูใส่หม้อชา
“หึ ฉันจะไม่กลับไปที่นั่นอีก” อลิซพูด “งานเลี้ยงน้ำชาอะไรโง่เง่าขนาดนี้” ในเวลานั้นเธอได้เห็นประตูในต้นไม่ต้นหนึ่ง “แปลกอะไรเช่นนี้” เธอคิด “แต่ทุกสิ่งแปลกไปหมดในวันนี้ ฉันคิดว่าฉันจะเข้าไป”
ดังนั้นเธอได้เข้าไปและเธออยู่ที่นั่น ด้านหลังในห้องยาวที่มีโต๊ะแก้ว ครั้งหนึ่งเธอหยิบกุญแจทองจากโต๊ะนั้น ไขประตูบานเล็กเข้าไปในสวนและจากนั้นเริ่มกินชิ้นส่วนของเห็ด เมื่อตัวเธอเตี้ยลงประมาณ 30 เซนติเมตร เธอได้เดินผ่านประตู และจากนั้นในที่สุดเธอได้อยู่ในสวนแสนสวยนั้นที่มีต้นไม้สีเขียวและดอกไม้สีสันสดใส

เกมกีฬาบอลลอดห่วงของพระราชินี
            ใกล้กับประตูมีต้นกุหลาบและคนสวนอยู่ 3 คน พวกเขากำลังมองไปที่กุหลาบนั้นด้วยความกังวล
“อะไรคือสิ่งสำคัญ” อลิซพูดกับพวกเขา
“คุณเห็นไหม” คนสวนคนแรกพูด “กุหลาบพวกนั้นสีขาวแต่พระราชินีชอบเพียงกุหลาบสีแดงและเธอ
“พระราชินี!” คนสวนคนที่ 2 พูดทันทีทันใด และตอนนั้นคนสวนคนที่ 3 ได้คว่ำหน้าลงกับพื้นอลิซหันกลับไปล้อมรอบและเห็นการชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก มันเป็นไพ่สำรับหนึ่งกำลังเดินผ่านสวน ที่นั่นมีดอกจิก (พวกเขาเป็นทหาร) และข้าวหลามตัด และเด็กเล็กๆ 10 คน (พวกเขาเป็นโพแดง) ถัดมาตามด้วยพระราชาและพระราชินีบางส่วน จากนั้นอลิซเห็นกระต่ายสีขาว หลังจากเขานั้นคือ ตัวแจ็คโพแดง และสุดท้ายตามมาด้วยพระราชาและพระราชินีโพแดง
เมื่อฝูงชนเข้ามาใกล้อลิซ พวกเขาทั้งหมดได้หยุดลงและมองมาที่เธอและพระราชินีพูดว่า “เธอเป็นใคร”
“หม่อมฉันชื่อ อลิซเพคะ” อลิซพูดอย่างสุภาพแต่เธอคิดในใจว่า “พวกคุณเป็นเพียงไพ่สำรับหนึ่ง ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวเขา”
“และพวกนั้นเป็นใคร” พระราชินีพูดขณะมองไปที่คนสวนทั้ง 3 จากนั้นเธอเห็นกุหลาบสีขาวและหน้าของเธอกลายมาเป็นสีแดงและโกรธมาก “ตัดหัวพวกเขา” เธอตะโกนและเหล่าทหารรีบไปพาคนสวนออกไป พระราชินีกลับมาที่อลิซ “เล่นบอลลอดห่วงได้ไหม” เธอตะโกน
“ได้เพคะ” อลิซตะโกน
“งั้นตามมา” ราชินีตะโกน ฝูงชนเริ่มเคลื่อต่อไปและอลิซได้ไปกับพวกเขาด้วย
“มันคือ มันคือวันที่ดีมาก” พูดด้วยน้ำเสียงกังวลในหูของเธอ อลิซเห็นกระต่ายสีขาวอยู่ข้างเธอ
“ดีมาก” อลิซพูด “ท่านหญิงอยู่ไหน”
“ชู่ว” กระต่ายพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน “เธออยู่ในคุก กำลังรอการประหารชีวิต”
“เพื่ออะไร” อลิซพูด
เพียงแค่นั้น พระราชินีก็ได้ตะโกนว่า “เข้าประจำที่” และเกมก็ได้เริ่มขึ้น
มันเป็บอลลอดห่วงที่แปลกที่สุดในชีวิตของอลิซ ลูกบอลคือเม่นและไม้ตีคือนกฟลามิงโก้ และห่วงถูกทำจากทหารผู้ที่งอตัวเป็นสะพานโค้งและยืนบนมือและเท้าของตัวเอง อลิซหนีบนกฟลามิงโก้ของเธอไว้ใต้แขน แต่นกฟลามิงโก้กลับหัวออกไปอีกทางหนึ่ง และกลับไปอีกทาง ในที่สุดอลิซพร้อมที่จะตีลูกบอลด้วยหัวของนกฟลามิงโก้ แต่หลังจากนั้นเม่นก็เหนื่อยกับการรอและกำลังเดินข้ามไปยังพื้น และเมื่อทั้งนกฟลามิงโก้และเม่นพร้อมแล้วที่นั่นก็ไม่มีห่วง ทหารกำลังยืนขึ้นและเดินออกไปเช่นกัน “มันเป็นเกมที่ยากมาก” อลิซคิด
ผู้เล่นทั้งหมดเล่นในเวลาเดียวกัน และพวกเขาก็กำลังโต้เถียงและต่อสู้กันเพื่อแย่งเม่นอยู่เสมอ ไม่มีใครเห็นด้วยกับสิ่งต่างๆ ในไม่ช้าพระราชินีโกรธมากและเดินไปรอบๆพร้อมกับตะโกนว่า “เอาเขาไปตัดหัว” หรือ “เอาเธอไปตัดหัว” ทุกๆหนึ่งนาที
อลิซเริ่มรู้สึกกังวล “ในไม่ช้าพระราชินีต้องโต้เถียงกับฉันแน่นอน” เธอคิด “และอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันหลังจากนั้น พวกเขาที่นี่กำลังตัดหัวประชาชนตลอดเวลา ฉันแปลกใจว่าใครบ้างที่มีชีวิตรอด”
ต่อมาเธอเห็นบางอย่างที่แปลกมากและเธอดูอย่างระมัดระวังแล้วหลังจากนั้น 1-2 นาที เธอเห็นว่ามันคือยิ้ม “มันคือแมวเชสเซอร์” เธอพูดกับตัวเอง “ตอนนี้ฉันมีคนที่จะคุยด้วยแล้ว”
“เป็นไงบ้างที่จะทำต่อไป” แมวพูดเมื่อปากของมันปรากฏขึ้นมา
อลิซรอ “ฉันไม่สามารถพูดกับบางสิ่งที่ไม่มีหูได้” เธอคิด ตาของแมวปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ต่อมาก็หูของมัน และหยุดพักตอนที่หัวปรากฏขึ้นครู่หนึ่ง แล้วมันหยุดลงที่คอ และตัวของมันไม่ปรากฏ
อลิซเริ่มบอกแมวเกี่ยวกับเกม “มันเล่นยาก” เธอพูด “ทุกคนโต้เถียงกันตลอดเวลา และห่วงกับเม่นชอบเดินหนีไป”
“ชอบพระราชินีไหม” แมวพูดอย่างเงียบๆ
“ไม่ชอบ” อลิซพูด “เธอ” เพียงแค่นั้นอลิซก็เห็นพระราชินีอยู่หลังเธอ ดังนั้นเธอจึงพูดต่อไปว่า “ฉลาดมาก เธอเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของที่นี่”
พระราชินียิ้มและเดินผ่านไป
“เธอกำลังพูดกับใคร” พระราชาพูด เขาเข้ามาจากทางข้างหลังของอลิซและมองไปที่หัวของแมวด้วยความประหลาดใจ
“มันเป็นเพื่อนของฉัน ชื่อว่าแมวเชสเซอร์” อลิซพูด
“ฉันไม่มั่นใจว่าฉันชอบมัน” พระราชาพูด “แต่มันสามารถสัมผัสมือของฉันได้หากมันชอบ”
“ฉันไม่ชอบเหมือนกัน” แมวพูด
“ดี” พระราชาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว เขาได้ตะโกนเรียกพระราชินี “ที่รัก ที่นี่มีแมวและฉันไม่ชอบมัน”
พระราชินีไม่ได้มองไปรอบๆ “ตัดหัวมัน” เธอตะโกน “เรียกเพชฌฆาต” อลิซกังวลเล็กน้อยสำหรับเพื่อนของเธอ เมื่อเพชฌฆาตมาถึงทุกคนเริ่มโต้เถียงกัน
“ฉันไม่สามารถตัดหัวได้” เพชฌฆาตพูด “ถ้ามันไม่มีร่างกายที่จะตัดออก”
“เธอสามารถตัดหัวมันได้” พระราชาพูด “จากสิ่งต่างๆที่เป็นหัว”
“ถ้าใครไม่ทำบางอย่างให้เร็วๆ” พระราชินีพูด “ฉันจะตัดหัวทุกคน”
“ไม่มีใครชอบแผนนี้เลย” ดังนั้นทุกคนกลับไปที่อลิซ “และคุณพูดอะไร” พวกเขาตะโกนออกมา
“แมวเป็นของท่านหญิง” อลิซพูดอย่างระมัดระวัง “บางทีพวกคุณสามารถถามเธอเกี่ยวกับมัน”
“เธออยู่ในคุก” พระราชินีพูดกับเพชฌฆาต “ไปเอาเธอมาที่นี่”
แต่หลังจากนั้นหัวของแมวเริ่มหายไปอย่างช้าๆ และเมื่อเพชฌฆาตกลับมาพร้อมท่านหญิง ที่นั่นไม่มีอะไรแล้ว พระราชาวิ่งขึ้นลงอย่างรีบเร่งและมองหาแมว และท่านหญิงกอดอลิซไว้ “ฉันยินดีที่ได้เจอเธออีกครั้ง ที่รัก” เธอพูด
“ไปเล่นเกมต่อเถอะ” พระราชินีพูดอย่างโกรธเคืองและอลิซตามเธอไปที่สนาม
เกมดำเนินต่อไป แต่ตลอดเวลาพระราชินีโต้เถียงและตะโกนว่า “เอาเขาไปตัดหัว” หรือ “เอาเธอไปตัดหัว” ในไม่ช้าที่นั่นไม่เหลือห่วงเลย เพราะว่าทหาร (คนที่เป็นห่วง) กำลังยุ่งอยู่กับการพาทุกคนเข้าคุกและในตอนจบมีเพียงผู้เล่น 3 คนที่เหลืออยู่ คือ พระราชา พระราชินี และอลิซ
พราะราชินีหยุดตะโกนและพูดกับอลิซว่า “เห็นเต่าม็อคยัง”
“ยังเลยเพคะ” อลิซพูด “หม่อนฉันไม่แน่ใจว่าเต่าม็อคคืออะไร”
“มากับฉัน” พระราชินีพูด
พวกเขาพบกับ Mock Turtle อยู่ใต้ทะเล ถัดมาคือ กริฟฟ่อน หลับอยู่ในดวงอาทิตย์ จากนั้นพระราชินีรีบไปพร้อมกับพูดว่า “ฉันจำเป็นต้องรีบไปดำเนินการประหารต่อ”
กริฟฟ่อนตื่นขึ้นมาและพูดกับอลิซอย่างง่วงๆว่า “มันแค่คุยเธอก็รู้ พวกเขาไม่เคยประหารใครเลย”
อลิซดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่เธอกลับรู้สึกกลัวกริฟฟ่อนกับเต่าม็อคเล็กน้อยเพราะว่าพวกมันตัวใหญ่มาก แต่พวกมันเป็นมิตรมากและพวกมันร้องเพลงและเล่าเรื่องมากมายเกี่ยวกับชีวิตของพวกมัน ตอนนั้นเต่าม็อคซึ่งร้องถึงตอนกลางของเพลงเศร้า พวกเขาทั้งหมดก็ได้ยินเสียงตะโกนที่อยู่ไกลออกไป มันกำลังเริ่มขึ้น
“มานี่ เราต้องรีบ” กริฟฟ่อนตะโกนออกมา มันจับอลิซใส่ไว้ในมือและเริ่มวิ่ง
           
(forth)
ใครขโมยขนมพาย
            พระราชาและพระราชินีโพแดงกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของพวกเขาเมื่ออลิซและกริฟฟอนมาถึง ที่นั่นมีฝูงนก สัตว์ต่างๆและเหล่าไพ่ทั้งหมด
            ทหารทั้งหมดยืนล้อมรอบพระราชาโพแดงและใกล้กับพระราชามีกระต่ายขาวที่มีแตรอยู่ในมือข้างหนึ่ง
กลางห้องมีโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีพายจานใหญ่วางอยู่ “มันดูดีนะ” อลิซคิดในขณะที่กำลังรู้สึกหิวเล็กน้อย
จากนั้นกระต่ายขาวได้ตะโกนอย่างดังว่า “เงียบ การทดสอบของพระราชาโพแดงจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้” เขาเอากระดาษแผ่นยาวออกมาและอ่าน
            “พระราชินีโพแดงได้ทำพายจำนวนหนึ่งตลอดทั้งวันในช่วงฤดูร้อน
            ตัวแจ็คโพแดงได้ขโมยพายเหล่านั้นและเอาพวกมันไป”
            ดีเยี่ยม พระราชาพูด “เรียกพยานคนแรกมา”
            อลิซมองไปที่คณะผู้ตัดสินซึ่งตอนนี้กำลังจดทุกสิ่งลงไป มันเป็นผู้ตัดสินที่แปลกมาก ส่วนหนึ่งเป็นสัตว์และที่เหลือเป็นนก       
            จากนั้นกระต่ายขาวเป่าแตร 3 ครั้งและตะโกนเรียกว่า “พยานคนแรก”
            พยานคนแรก คือ คนขายหมวก เขาเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาในมือข้างหนึ่งและขนมปังเนยในมืออีกข้างหนึ่ง “หม่อมฉันเสียใจมากพะยะคะ” เขาพูด “หม่อมฉันอยู่กลางวงน้ำชาเมื่อการทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว”
            “ถอดหมวก” พระราชาพูด
            “มันไม่ใช่ของหม่อมฉัน” คนขายหมวกพูด
            “ขโมย! เขียนลงไป” พระราชาพูดกับผู้ตัดสิน
            “หม่อมฉันเก็บหมวกไว้ขาย” คนขายหมวกอธิบาย “หม่อมฉันไม่มีหมวกเป็นของตัวเอง หม่อมฉันเป็นคนขายหมวก”
            “ให้หลักฐานมา” พระราชาพูด “หรือจะให้เราตัดหัวเจ้า”
            คนขายหมวกหน้าซีด “หม่อมฉันเป็นผู้ที่น่าสงสารพะยะคะ” เขาเริ่มด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
            เพียงหลังจากนั้น อลิซมีความรู้สึกแปลกๆ หลังจาก 1-2 นาที เธอได้เข้าใจว่ามันคืออะไร
            “อย่าเบียดแบบนั้น” หนูที่กำลังนั่งถัดจากเธอพูด “ฉันเกือบจะตกที่นั่งแล้ว”
            “ฉันขอโทษ” อลิซพูดอย่างสุภาพ “ฉันตัวใหญ่กว่าและสูงกว่า เธอก็เห็น”
            “เธอไม่สามารถทำแบบนั้นกับที่นี่ได้” หนูพูดอย่างฉุนเฉียวและเขาได้ลุกขึ้นและย้ายไปที่นั่งตัวอื่น
            คนขายหมวกยังคงกำลังให้หลักฐานแต่ไม่มีใครเข้าใจที่เขาพูด พระราชามองไปที่พระราชินีและพระราชินีมองไปที่เพชฌฆาต
            คนขายหมวกที่ไร้ซึ่งความสุขเห็นเข้า เขาทิ้งขนมปังเนยในมือ “หม่อมฉันเป็นชายผู้น่าสงสาร” เขาพูดอีกครั้ง
            “เธอเป็นผู้พูดที่น่าสงสารมาก” พระราชาพูด เขากลับไปที่กระต่ายขาว “เรียกพยานคนต่อไปออกมา” เขาพูด
            พยานคนต่อไปคือแม่ครัวของท่านหญิงผู้ที่พูดอย่างโกรธมากและเธอได้พูดว่าเธอจะไม่ให้หลักฐานใดๆ พระราชามองอย่างกังวลและบอกให้กระต่ายขาวเรียกพยานคนอื่นๆ อลิซจ้องในขณะที่กระต่ายขาวมองไปยังชื่อในกระดาษของเขา ต่อมาอลิซแปลกใจมาก เขาตะโกนอย่างดังว่า “อลิซ”
            “ที่นี่” อลิซพูดในขณะที่กำลังกระโดด
            “เธอรู้อะไรเกี่ยวกับพายเหล่านั้นไหม” พระราชาพูด
            “ไม่รู้เลยเพคะ” อลิซพูด
            พระราชินีกำลังจ้องอลิซอย่างหนัก ขณะนั้นเธอพูดว่า “ทุกคนที่สูงหนึ่งไมล์ต้องออกจากห้อไป”
            “ฉันไม่ได้สูงหนึ่งไมล์” อลิซพูด “และฉันจะไม่ออกจากห้อง ฉันต้องการได้ยินหลักฐาน”
            “ที่นี่ไม่มีหลักฐานเพิ่มอีก” พระราชาพูดอย่างเร็ว “และตอนนี้ผู้ตัดสินจะ
            “ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม” กระต่ายพูดขณะกำลังกระโดดขึ้นด้วยความรีบเร่ง “พวกเราเพิ่งพบจดหมายฉบับนี้ มันไม่มีชื่อ แต่ฉันคิดว่าตัวแจ็คโพแดงเขียนมัน”
            “ไม่ ฉันไม่ได้เขียน” ตัวแจ็คโพแดงพูดเสียงดัง
            “อ่านให้พวกเราฟัง” พระราชาพูด
            “หม่อมฉันจะเริ่มจากตรงไหนพะยะคะ” กระต่ายถาม
            “เริ่มตรงจุดเริ่มต้น” พระราชาพูด “และอ่านต่อไปจนไปถึงตอนจบแล้วหยุด”
            ทุกคนฟังอย่างตั้งใจในขณะที่กระต่ายอ่าน
                        “พวกเขาบอกฉันว่าคุณเป็นเธอ
                                    และเอ่ยถึงฉันกับเขา
                        เธอคิดว่าฉันเป็นคนสวน
                                    แต่พูดว่าฉันว่ายน้ำไม่ได้
                        เขาบอกพวกเขาว่าฉันไม่ได้ไป
                                    (พวกเรารู้ว่ามันเป็นจริง)
                        ถ้าเธอรีบตัดสินใจเกินไป
                                    พวกเขาจะทำอะไรกับคุณ
                        ฉันให้เธอหนึ่ง พวกเขาให้เขาสอง
                                    คุณให้พวกเราสามหรือมากกว่านั้น
                        พวกเราทั้งหมดกลับคืนจากเขาไปยังคุณ
                                    แต่พวกเขาเป็นของฉันมาก่อน”
            “มันคือหลักฐานชิ้นสำคัญ” พระราชาพูด เขามองอย่างพอใจมาก “ตอนนี้ผู้ตัดสินต้อง
            “ถ้าผู้ตัดสินคนใดสามารถอธิบายจดหมายนี้ได้” อลิซพูด (ตอนนี้เธอไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะว่าเธอตัวใหญ่กว่าทุกคนในห้อง) “ฉันจะให้เขา 6 เพนนี เรื่องทั้งหมดมันไร้สาระ มันไม่ได้หมายถึงสิ่งต่างๆ”
            ผู้ตัดสินเขียนมันลงไปอย่างยุ่งเหยิงว่า “เธอคิดว่าเรื่องทั้งหมดมันไร้สาระ”
            “เรื่องทั้งหมดมันไร้สาระ” พระราชาพูด เขาอ่านคำบางคำอีกครั้ง “แต่พูดว่า ฉันว่ายน้ำไม่ได้ เธอว่ายน้ำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ หรือเธอว่ายได้” เขาพูดกับตัวแจ็คโพแดง
            หน้าของตัวแจ็คโพแดงเศร้าเสียใจ “ฉันดูเหมือนนักว่ายน้ำเหรอ” เขาพูด (และเขาทำไม่ได้เพราะเขาทำมาจากกระดาษ)
            พระราชายิ้ม “ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วตอนนี้ มันมีพาย และที่นี่คือตัวแจ็คโพแดง และตอนนี้ผู้ตัดสินต้องตัดสินใจว่าใครเป็นขโมย”
            “ไม่  ไม่” พระราชินีพูด “ตัดหัวเขาซะ ผู้ตัดสินสามารถพูดว่า ต่อมามันคิดอะไรต่อ”
            “เรื่องไร้สาระอะไรกัน” อลิซพูดอย่างดัง “ผู้ตัดสินต้องตัดสินใจก่อน คุณไม่สามารถ
            “เงียบ” พระราชินีพูด หน้าของเธอกำลังเป็นสีแดง
            “หม่อมฉันจะไม่เงียบ” อลิซพูด
“ตัดหัวเธอ” พระราชินีกรีดร้อง ไม่มีใครเคลื่อนที่
“มันไม่สำคัญว่าคุณพูดอะไร” อลิซพูด “คุณเป็นเพียงไพ่สำรับหนึ่ง”
จากนั้นไพ่สำรับนั้นปลิวขึ้นฟ้าและเริ่มตกลงมาบนหน้าของอลิซ เธอกรีดร้องและตื่นขึ้นมา เธอกำลังนอนถัดจากพี่สาวของเธอใต้ต้นไม้และใบไม้กำลังหล่นใส่หน้าเธอ
“ตื่น อลิซที่รัก” พี่สาวเธอพูด “เธอหลับไปนานมาก”

“ฉันมีความฝันที่แปลกประหลาดมาก” อลิซพูด และเธอได้เล่าการผจญภัยที่แปลกประหลาดในความฝันอันมหัศจรรย์ทั้งหมดให้พี่สาวเธอฟัง