วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (20th October, 2015)



การฝึกทักษะการพูด3

ในสัปดาห์ที่แล้วดิฉันได้กลับไปฝึกทบทวนทักษะการฟังอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการฝึกทักษะการฟังเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งการฝึกทักษะการฟังในครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 13-19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ของดิฉันมีดังนี้ ดิฉันได้ฝึกโดยการฟังเพลงที่มีชื่อว่า What Makes You Beautiful ของ One Direction 1 เพลง และเพลง The Lazy Song ของ Bruno Mars 1 เพลง ดูหนังเรื่อง before sunrise จากในเว็บไซต์ 1 เรื่อง และดูหนังเรื่อง Once ที่ยืมมาจาก American Corner 1 เรื่อง พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้นกว่าการฝึกทักษะการฟังในสองรอบแรก สามารถฟังสิ่งต่างๆทั้งเพลง และดูหนังได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และสนุกมากขึ้น ทำให้เพลิดเพลินกับการดูหนังและฟังเพลง ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแม้หนังที่ดูจะมีความยาวมากแค่ไหนก็ตาม โดยในสัปดาห์นี้ ดิฉันต้องการที่จะฝึกทักษะการพูด เพราะในสัปดาห์หน้าดิฉันจะต้องสอบการสอนในรายวิชา ภาษาศาสตร์สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ โดยในการสอบสอนครั้งนี้ จะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสอนร้อยละ 80 ซึ่งนั่นคือ เน้นทักษะการพูดมาเป็นอันดับหนึ่ง และการที่เราจะสามารถสอนออกมาได้ดีนั้น การพูดและการออกเสียงของเราจะต้องดี มีความถูกต้อง ออกเสียงถูกหลักการพูด ชัดเจน และมี intonation ที่ดี เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทักษะการพูดของดิฉันถึงแม้จะได้รับการพัฒนาบ้างแต่ก็ยังไม่ดีและยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ดิฉันจึงคิดว่าดิฉันต้องเตรียมฝึกซ้อมเป็นอย่างดี ดิฉันจึงได้เริ่มฝึกทักษะการพูด ตั้งแต่วันที่ 20-26 ตุลาคม พ.ศ.2558 ดังนี้

ในวันที่ 20-22 ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจากการดูวีดีโอใน YouTube เรื่อง 300 ประโยค สั้นๆ ภาษาอังกฤษ ( 300 Phrases ) ความยาวของวีดิโอ คือ 1 ชั่วโมง 10 นาที จาก  https://www.youtube.com/watch?v=ZMbxZSfne_8    ซึ่งสอนโดยชาวต่างชาติ ชื่อ Chris ซึ่งดิฉันได้เลือกวิดีโอนี้ก็เพราะ ภาษาที่เขาให้พูดนั้นฟังง่าย พูดไม่เร็ว ออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจน มีสำเนียงที่ดี ทำให้การพูดตามประโยคของดิฉันนั้นสามารถทำได้ง่ายและดีไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นวิดีโอที่มีความเหมาะสมมากที่ใช้ในการฝึกทักษะการพูด ซึ่งในวิดีโอนี้ ประกอบไปด้วยประโยคสั้นๆ ต่างๆที่เรามักพบในชีวิตประจำวัน ที่เรามักจะได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ซึ่งมีทั้งสำนวนที่ใช้ในการพูดที่เรายังไม่รู้ ประโยคบอกเล่า ประโยคคำสั่ง และประโยคปฏิเสธอีกมากมาย ซึ่งมีตัวอย่างประโยคดังนี้ Are you busy?, At least nobody got hurt., Awesome, let’s go!, Be careful driving., Face your fears., Hand me that please., How do you say this word in English?, I will be going to the hospital next week., และ Respect other people’s opinions. โดยในวันที่ 20 ดิฉันได้ฝึกฟังและพูดตามประโยค 100 ประโยคแรกก่อน โดยดิฉันได้เปิดฟังประโยคทั้ง 100 ประโยคก่อนในรอบแรกคือประโยคที่ 1-100 ส่วนในรอบที่ 2 ดิฉันได้ฝึกพูดตามวิดีโอ โดยการฟังเขาพูดทีละประโยค แล้วกดหยุดวิดีโอ จากนั้นจึงพูดตามจนครบทั้ง 100 ประโยค โดยที่ฉันจะพูดประโยคละ 3-5 ครั้ง ส่วนในวันที่ 21 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่ 20 คือฟังและพูดตามประโยคทั้ง 2 รอบ แต่เปลี่ยนเป็นประโยคที่  101-200 และในวันที่ 22 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่ 20-21 คือฟังและพูดตามประโยคทั้ง 2 รอบ แต่เปลี่ยนเป็นประโยคที่  201-300 นอกจากนี้ดิฉันยังได้รู้คำศัพท์และประโยคเพิ่มเติมที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ในวันที่ 23-24 ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจากการดูวีดีโอใน YouTube เรื่อง ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยคที่ใช้ในที่ทำงาน ความยาวของวีดิโอ คือ 31 นาที จาก  https://www.youtube.com/watch?v=GH059Cs__JY    ซึ่งสอนโดยครู Cherry ดิฉันได้เลือกวิดีโอนี้เพราะเป็นประโยคที่เราสามารถพบเจอได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งยังฟังง่ายและเข้าใจได้ เขาจะพูดช้าๆ เน้นเสียงให้ฟังทีละคำ และพูดเป็นประโยค ดิฉันสามารถฟังได้เข้าใจเกือบทุกคำ  มีการออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจน มีสำเนียงที่ดี ทำให้ง่ายดายต่อการฝึกพูดตาม ซึ่งถือว่าวิดีโอนี้ดีมากสำหรับใช้ในการฝึกทักษะการพูด ซึ่งในวิดีโอนี้ ประกอบไปด้วยประโยคที่ใช้ในที่ทำงาน ซึ่งแบ่งเป็น General topics เช่น How long have you worked here?, The traffic was terrible today. Absence from work เช่น Jane is off sick today., She is on maternity leave. Dealing with customers เช่น Sorry to keep you waiting.,  He is with a customer at the moment. In the office เช่น What time does the meeting start/finish?, Jo has been promoted., I left the file on your desk. โดยในวันที่ 23 ดิฉันได้ฝึกฟังและพูดตามประโยค โดยดิฉันได้เปิดฟังประโยคทั้งหมดก่อนในรอบแรก ส่วนในรอบที่ 2 ดิฉันได้ฝึกพูดตามในวิดีโอ โดยการฟังทีละประโยค แล้วกดหยุดวิดีโอ จากนั้นจึงพูดตามจนครบทุกประโยค ส่วนในวันที่ 24 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่ 23 คือฟังและพูดตามประโยคทั้ง 2 รอบ อีกครั้งหนึ่งเพื่อทบทวนการออกเสียง และintonation นอกจากนี้ในประโยคต่างๆ เขาได้สอนเกี่ยวกับไวยากรณ์ด้วยว่า แต่ละประโยคนั้น tense อะไร และมีโครงสร้างประโยคอย่างไร ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการพูดและไวยากรณ์ไปพร้อมๆกัน
ในวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดโดยการพูดคุยกับเพื่อนในห้องเรียนและเพื่อนร่วมหอเป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และในขณะที่ดิฉันได้ฝึกพูดกับเพื่อนๆนั้น คำใดที่ดิฉันออกเสียงผิดหรือพูดฟังยาก เพื่อนก็จะช่วยบอกให้ดิฉันได้แก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น คำไหนที่ดิฉันต้องการจะพูดออกมาแล้วคิดไม่ออก ฉันก็จะพยายามอธิบายคำศัพท์นั้นๆให้เพื่อนๆเข้าใจ และพวกเขาก็จะบอกคำศัพท์นั้นออกมา ดิฉันก็จะจดบันทึกไว้ในสมุดเล่มเล็กของดิฉัน ซึ่งพวกเราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเรียน การทำการบ้าน การเลือกซื้ออาหารในโรงอาหาร และเรื่องราวส่วนตัวทั่วไป ซึ่งเพื่อนๆก็เต็มใจที่จะพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษกับดิฉัน เพราะพวกเขาจะได้ฝึกการพูดของพวกเขาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ดิฉันยังได้ดูหนังและพูดตามหนังที่ดิฉันได้ดู พูดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็มีความพยายามที่จะพูดและพัฒนาทักษะของตนเอง ทั้งยังโทรคุยกับเพื่อนทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยของดิฉันผ่าน Facebook  ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเราเคยคุยกันแล้วและเราก็ยังโทรหากันอยู่บ้างอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ซึ่งเพื่อนๆก็บอกว่าสำเนียงของดิฉันดีขึ้นและฟังได้ง่ายและเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังต้องปรับปรุงอยู่มาก แต่นั่นดิฉันก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดของดิฉันโดยการพูดคุยกับตนเองหน้ากระจก โดยการถามและตอบตัวเอง มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูตลกแต่มันช่วยให้ดิฉันมีบุคลิกภาพที่ดีในขณะที่พูด ได้ดูการใช้ภาษาและท่าทางของตนเองในขณะที่พูด ซึ่งก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันในการพูดคุยกับผู้อื่น ทั้งยังทำให้ดิฉันมีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดและกล้าที่จะพูดกับชาวต่างชาติเมื่อได้พบเจอเขาในสถานการณ์ต่างๆจริงๆ

จากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูด ตั้งแต่วันที่ 20-26 ตุลาคม พ.ศ.2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการฟังและพูดตามประโยคต่างๆ ผ่านวิดีโอที่ได้ดูใน Youtube ทั้ง 2 วิดีโอ ดังนี้ คือ ในวันที่ 20-22 ตุลาคม พ.ศ.2558 ได้ฝึกด้วยวีดีโอเรื่อง 300 ประโยค สั้นๆ ภาษาอังกฤษ ( 300 Phrases ) ความยาวของวีดิโอ คือ 1 ชั่วโมง 10 นาที และในวันที่ 23-24 ตุลาคม พ.ศ.2558 ได้ฝึกด้วยวีดีโอเรื่อง ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยคที่ใช้ในที่ทำงาน ความยาวของวีดิโอ คือ 31 นาที ส่วนในวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ.2558 ได้ฝึกโดยการพูดกับเพื่อน พูดตามหนังที่ได้ดู โทรคุยกับเพื่อน และพูดกับตัวเอง ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดนั้น ดิฉันได้รับประโยชน์จากการฝึกเหล่านี้มากมาย ทำให้ดิฉันมีความมั่นใจในการพูดมากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่คล่องแคล่วและชำนาญเหมือนเจ้าของภาษา แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการฝึกการพูดในสองครั้งที่แล้วนั้น ดิฉันคิดว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นมากพอสมควร มีการออกสียงที่ดีขึ้น มีintonation ที่ดีขึ้น ออกเสียงถูกหลักการออกเสียงมากขึ้น และที่สำคัญในสัปดาห์นี้นอกจากดิฉันจะได้ฝึกทักษะการพูดแล้ว ในแต่ละสื่อและเนื้อหาของวิดีโอยังทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง การอ่านจาก subtitle คำศัพท์ต่างๆที่ดิฉันยังไม่เคยได้รู้ และได้ทบทวนไวยากรณ์ต่างๆที่มีในบทสนทนาอีกด้วย  ซึ่งดิฉันคิดว่า ดิฉันจะยังคงฝึกฝนทักษะต่างๆเหล่านี้ต่อไป โดยเฉพาะการฟังและการพูด เพราะเป็นทักษะที่เราจำเป็นต้องใช้ในการสื่อสารบ่อยมากที่สุด และดิฉันเชื่อว่า การที่เราจะเกิดความชำนาญและประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น เราจำเป็นต้องฝึกฝนการใช้ทักษะต่างๆเหล่านั้นอยู่เสมอ เพราะหากเราไม่คอยหมั่นฝึกฝนจะทำให้เราลืมและใช่ทักษะเหล่านั้นได้ไม่ดี          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น