วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log : First (7th August, 2015)



Learning log : First
7th August, 2015

ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
·       English language learning -> คือการเรียนภาษาอังกฤษโดยการเรียนในห้องเรียนหรือการศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งการเรียนรู้ในระดับนี้เป็นการเรียนรู้ที่รู้ตัว (conscious) สามารถลืมได้
·       English language acquisition -> คือการเรียนภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ เป็นการเรียนรู้จากจิตใต้สำนึก (subconscious) ซึ่งการเรียนรู้ในระดับนี้สามารถเข้าใจและจำได้ง่าย แต่ลืมได้ยาก
ดังนั้น การสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนเข้าใจนั้น ควรให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบ English language acquisition
สำหรับในวิชาการแปล กาล ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่ผู้เรียนควรเข้าใจอย่างถ่องแท้และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะในภาษาไทยไม่มี กาล ซึ่งมีข้อแนะนำในการแปลเกี่ยวกับปัญหาเรื่อง กาล ดังนี้
1. ต้องเข้าใจว่า กาล ในภาษาอังกฤษนั้น นอกจากจะบอกว่าการกระทำเกิดขึ้นเมื่อไหร่แล้ว การใช้กาล ยังบอกให้ทราบถึงสิ่งอื่นๆอีกด้วย เช่น การคาดคะเน ความตั้งใจ ความสามารถ เป็นต้น

2. ตีความให้ได้ก่อนว่า การใช้กาลนั้นๆในประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร
3. ในภาษาไทย ควรใช้ข้อความอย่างไรจึงจะได้ความหมายตรงกัน
4. ถ้าจำเป็นต้องเติม ตัด หรือเปลี่ยนแปลงคำขยายเกี่ยวกับเวลาอย่างไร ต้องให้มีลักษณะและสำนวนเป็นไทยในรูปแบบที่เข้าใจกันโดยทั่วไป

ประโยคภาษาอังกฤษและการแปลความหมาย
·       Past simple Tense
- He lived in Nakhon Si Thammarat for a year.
จากประโยคดังกล่าวเป็น Past simple Tense เพราะมีรูปแบบตามโครงสร้างของ Past simple Tense ดังนี้
-> Subject + Verb 2 + …
- He lived in Nakhon Si Thammarat for a year.
เมื่อเข้าใจโครงสร้างของประโยคและสามารถระบุกาลของประโยคได้แล้ว จึงสามารถแปลความหมายของประโยค ได้ดังนี้
-> เขาเคยอยู่นครศรีธรรมราชมาก่อน 1 ปี อยู่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าอยู่มาก่อนเวลาที่พูดถึง และตอนนี้เขาไม่ได้อยู่แล้ว
-> เขาอยู่นครศรีธรรมราชปีหนึ่ง (ประโยคสมบูรณ์)
·       Present Perfect Tense
- He has lived in Nakhon Si Thammarat for a year.
จากประโยคดังกล่าวเป็น Present Perfect Tense เพราะมีรูปแบบเป็นไปตามโครงสร้างของ Present Perfect Tense ดังนี้
-> Subject + have/has + Verb 3 + …
- He has lived in Nakhon Si Thammarat for a year.
จากเหตุการณ์ข้างต้นกล่าวได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันและในปัจจุบันก็ยังเกิดเหตุการณ์นี้อยู่
เมื่อเข้าใจโครงสร้างของประโยคและสามารถระบุกาลของประโยคได้แล้ว จึงสามารถแปลความหมายของประโยค ได้ดังนี้
-> เขาอยู่นครศรีธรรมราชมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ตอนนี้เขาก็ยังอยู่
-> เขาอยู่นครศรีธรรมราชมาหนึ่งปีแล้ว
·       Present simple Tense
- This hotel serves breakfast at seven o’clock.
จากประโยคข้างต้นเป็น Present simple Tense เทียบตามโครงสร้างได้ดังนี้
-> Subject + Verb 1 + …
- This hotel serves breakfast at seven o’clock.
จากประโยคเป็นลักษณะของเหตุการณ์ที่ทำเป็นปกตินิสัย ไม่ว่าอดีตที่ผ่านมาหรืออนาคตข้างหน้าก็ยังเป็นเช่นนั้น
สามารถแปลความหมาย ได้ดังนี้
-> โรงแรมบริการอาหารเช้าเวลา 7.00 .
·       Present Continuous Tense
- My friend is travelling in Japan.
จากประโยคข้างต้นเป็น Present Continuous Tense สังเกตได้จากโครงสร้าง ดังนี้
-> Subject + is/am/are + V-ing + …
จากประโยคเป็นลักษณะของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งสามารถแปลความหมาย ได้ดังนี้
-> เพื่อนของฉันกำลังท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น
·       Past Perfect Tense + Past Simple Tense
- Pranee had sent us a letter before she left.
จากประโยคข้างต้น  - Pranee had sent us a letter. -> Past Perfect Tense
                                                            - She left. -> Past Simple Tense
                                                            - before -> conjunction
เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect Tense เพราะเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นและจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดหลังใช้ Past Simple Tense
สามารถแปลความหมาย ได้ดังนี้

-> ปรานีส่งจดหมายให้เราก่อนเธอจะไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น