Learning log : First
7th August,
2015
ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภท ดังนี้
·
English
language learning -> คือการเรียนภาษาอังกฤษโดยการเรียนในห้องเรียนหรือการศึกษาด้วยตนเอง
ซึ่งการเรียนรู้ในระดับนี้เป็นการเรียนรู้ที่รู้ตัว (conscious) สามารถลืมได้
·
English
language acquisition -> คือการเรียนภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ
เป็นการเรียนรู้จากจิตใต้สำนึก (subconscious)
ซึ่งการเรียนรู้ในระดับนี้สามารถเข้าใจและจำได้ง่าย แต่ลืมได้ยาก
ดังนั้น
การสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนเข้าใจนั้น ควรให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบ English language acquisition
สำหรับในวิชาการแปล
กาล
ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่ผู้เรียนควรเข้าใจอย่างถ่องแท้และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะในภาษาไทยไม่มี กาล ซึ่งมีข้อแนะนำในการแปลเกี่ยวกับปัญหาเรื่อง กาล ดังนี้
1. ต้องเข้าใจว่า กาล
ในภาษาอังกฤษนั้น นอกจากจะบอกว่าการกระทำเกิดขึ้นเมื่อไหร่แล้ว การใช้กาล
ยังบอกให้ทราบถึงสิ่งอื่นๆอีกด้วย เช่น การคาดคะเน ความตั้งใจ ความสามารถ เป็นต้น
2. ตีความให้ได้ก่อนว่า
การใช้กาลนั้นๆในประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร
3. ในภาษาไทย
ควรใช้ข้อความอย่างไรจึงจะได้ความหมายตรงกัน
4. ถ้าจำเป็นต้องเติม ตัด
หรือเปลี่ยนแปลงคำขยายเกี่ยวกับเวลาอย่างไร ต้องให้มีลักษณะและสำนวนเป็นไทยในรูปแบบที่เข้าใจกันโดยทั่วไป
ประโยคภาษาอังกฤษและการแปลความหมาย
·
Past
simple Tense
- He lived in Nakhon Si Thammarat for a
year.
จากประโยคดังกล่าวเป็น
Past
simple Tense เพราะมีรูปแบบตามโครงสร้างของ Past simple
Tense ดังนี้
-> Subject
+ Verb 2 + …
- He lived in
Nakhon Si Thammarat for a year.
เมื่อเข้าใจโครงสร้างของประโยคและสามารถระบุกาลของประโยคได้แล้ว
จึงสามารถแปลความหมายของประโยค ได้ดังนี้
->
เขาเคยอยู่นครศรีธรรมราชมาก่อน 1 ปี อยู่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
ทราบแต่ว่าอยู่มาก่อนเวลาที่พูดถึง และตอนนี้เขาไม่ได้อยู่แล้ว
->
เขาอยู่นครศรีธรรมราชปีหนึ่ง (ประโยคสมบูรณ์)
·
Present
Perfect Tense
- He has lived in Nakhon Si Thammarat for a
year.
จากประโยคดังกล่าวเป็น
Present
Perfect Tense เพราะมีรูปแบบเป็นไปตามโครงสร้างของ Present
Perfect Tense ดังนี้
-> Subject
+ have/has + Verb 3 + …
- He has lived
in Nakhon Si Thammarat for a year.
จากเหตุการณ์ข้างต้นกล่าวได้ว่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันและในปัจจุบันก็ยังเกิดเหตุการณ์นี้อยู่
เมื่อเข้าใจโครงสร้างของประโยคและสามารถระบุกาลของประโยคได้แล้ว
จึงสามารถแปลความหมายของประโยค ได้ดังนี้
-> เขาอยู่นครศรีธรรมราชมาแล้วเป็นเวลา
1 ปี ตอนนี้เขาก็ยังอยู่
-> เขาอยู่นครศรีธรรมราชมาหนึ่งปีแล้ว
·
Present
simple Tense
- This hotel serves breakfast at seven o’clock.
จากประโยคข้างต้นเป็น
Present
simple Tense เทียบตามโครงสร้างได้ดังนี้
-> Subject + Verb
1 + …
- This hotel serves
breakfast at seven o’clock.
จากประโยคเป็นลักษณะของเหตุการณ์ที่ทำเป็นปกตินิสัย
ไม่ว่าอดีตที่ผ่านมาหรืออนาคตข้างหน้าก็ยังเป็นเช่นนั้น
สามารถแปลความหมาย
ได้ดังนี้
-> โรงแรมบริการอาหารเช้าเวลา
7.00 น.
·
Present
Continuous Tense
- My friend is travelling in Japan.
จากประโยคข้างต้นเป็น
Present
Continuous Tense สังเกตได้จากโครงสร้าง ดังนี้
-> Subject + is/am/are
+ V-ing + …
จากประโยคเป็นลักษณะของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
ซึ่งสามารถแปลความหมาย ได้ดังนี้
->
เพื่อนของฉันกำลังท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น
·
Past
Perfect Tense + Past Simple Tense
- Pranee had sent us a
letter before she left.
จากประโยคข้างต้น
- Pranee had sent us a letter. -> Past
Perfect Tense
- She left. -> Past Simple
Tense
- before ->
conjunction
เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้
Past
Perfect Tense
เพราะเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นและจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดหลังใช้
Past Simple Tense
สามารถแปลความหมาย
ได้ดังนี้
->
ปรานีส่งจดหมายให้เราก่อนเธอจะไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น