การฝึกทักษะการฟัง3
ในสัปดาห์ที่แล้ว
ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนไปแล้ว โดยดิฉันได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ดังนี้ โดยการอ่าน
เรื่อง David
Copperfield ตอน David Copperfield’s childhood จากเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวรรณคดีอังกฤษ
แล้วจึงเขียนสรุปเรื่องราวที่ได้อ่านนี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยการเขียนเรียงความ
เรื่อง If I were rich และโดยการเขียนเรียงความ เรื่อง My
the most excited event ซึ่งเป็นการเขียนเรียงความแบบ narrative
ซึ่งจากการฝึกทักษะด้วยวิธีการต่างๆเหล่านี้
ทำให้ดิฉันสามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้ดีขึ้นไปอีกกว่าการฝึกทักษะการเขียนในครั้งที่แล้ว
ซึ่งดิฉันได้เน้นการได้รับความรู้จากการเขียนไปในเรื่องของคำศัพท์ การใช้คำ
การใช้ภาษาและความถูกต้องของไวยากรณ์ต่างๆ ทุกครั้งเมื่อดิฉันได้ฝึกทักษะไปจนถึงการเขียน
ดิฉันจะย้อนกลับไปเริ่มฝึกทักษะการฟังใหม่อีกครั้ง แล้วต่อมาจึงฝึกทักษะการพูด
การอ่าน และการเขียนไปตามลำดับ
จากที่เคยได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่าในการเรียนภาษาอังกฤษ
เราจะต้องมีความรู้ทั้งด้านของเนื้อหา และมีความสามารถในการสื่อสารด้วยใช้ทักษะทั้ง
4 ซึ่งการจะฝึกฝนให้เกิดทักษะที่ดีนั้น
เราจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาทักษะให้ดียิ่งขึ้นไป ในสัปดาห์นี้
ดิฉันจึงได้ฝึกทักษะการฟังตั้งแต่วันที่ 13-19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดังนี้
ในวันที่ 13-14 ตุลาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า What Makes You Beautiful ของศิลปินชื่อว่า One Direction จากhttps://www.youtube.com/watch?v=QJO3ROT-A4E เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้เพลงนี้เป็นเพลงสำหรับฝึกทักษะ
เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังฟังง่าย
เพราะคำศัพท์ที่ปรากฏในเพลงนั้นเป็นคำศัพท์ที่ไม่ยาก ทั้งยังเป็นเพลงที่มีความไพเราะ
ทำนองของเพลงก็สนุกสนานทำให้มีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง
ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ในวันที่ 13 ดิฉันเริ่มจากการเปิดเพลงฟังโดยไม่ดูเนื้อร้อง
แล้วลองฟังดูว่าในเพลงนั้นเขาร้องว่าอย่างไร โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 10 รอบ และจากนั้นดิฉันลองร้องตามเพลงนั้นจากการฟังเพียงอย่างเดียวแบบที่ยังไม่ได้ดูเนื้อร้อง
แล้วหลังจากนั้นดิฉันจึงมาเปิดดูเนื้อเพลง โดยเปิดเพลงแบบที่มี lyrics แล้วดูว่าคำร้องของเพลงนี้ตรงกับคำที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรง มีเพียงบางคำเท่านั้นที่ดิฉันฟังไม่ชัด และยังมีคำศัพท์ยากๆบางคำที่ดิฉันต้องแปลความหมาย
ส่วนในวันที่ 14 ดิฉันได้เปิดเพลงนี้อีกครั้งและฟังแล้วหัดร้องโดยการอ่านตามเนื้อเพลงทีละวรรค
ดิฉันร้องตามโดยมี lyrics ที่ยังมีเสียงนักร้องอยู่ 5
รอบ และฝึกร้องแบบ Karaoke อีก 5 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics และ Karaoke ใดๆอีก 5 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้ชายเขาชมผู้หญิงว่ามีความสวยอยู่ในตัวเอง
ทุกคนสามารถมองเห็นความสวยในตัวเธอ มีเพียงแต่ผู้หญิงนั้นมองไม่เห็น
ในวันที่ 15-16
ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการดูหนังเรื่อง
before sunrise จากhttp://www.dailymotion.com/video/x1m79y4_before-sunrise-1995-1-2_shortfilms
เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้เพราะดิฉันเป็นคนที่ชอบหนังแนวรักแบบโรแมนติก
แล้วเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาวที่ได้พบเจอกันเพียงชั่วข้ามคืน
ซึ่งดิฉันเริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยเริ่มจากในวันที่ 15
ดิฉันดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและไม่เปิด subtitle ใดๆ 1 รอบ โดยดิฉันได้ตั้งใจฟังและดูเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ดูในรอบแรกแล้วพบว่า
ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเลย ยังไม่เข้าใจความเป็นมา ยังตอบคำถามที่ว่า
ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรได้ไม่หมดทุกคำถาม
ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าจะต้องดูอีกรอบหนึ่ง ส่วนในวันที่ 16
ดิฉันได้ดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและอ่าน subtitle ที่เป็นภาษาอังกฤษไปด้วย 1 รอบ ซึ่งทำให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
และสรุปได้ว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับหนุ่มสาวที่ได้เจอกันบนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปกรุงเวียนนา
ทั้งสองพูดคุยกันถูกคอในขณะที่อยู่บนรถไฟ ทั้งสองจึงตัดสินใจว่าจะลองแวะเที่ยวที่เวียนนากันด้วยกันก่อนซักวันหนึ่ง
ก่อนที่รุ่งเช้าทั้งเขาและเธอจะต้องจากกันไปตามทางของตัวเอง
ในวันนั้นพวกเขาได้เที่ยวชมกรุงเวียนนา และในคืนนั้นพวกเขาก็ได้นั่งคุยกันทั้งคืน
เขาคุยกันทุกเรื่องที่สามารถคุยได้ และก่อนจากกันพวกเขาสัญญาว่า อีก 6
เดือนเขาจะมาเจอกันอีกครั้งที่เดิม
ในวันที่ 17-18 ตุลาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการดูหนังเรื่อง Once
ซึ่งได้ยืมมาจากห้อง American Corner เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้เพราะดิฉันเป็นคนที่ชอบฟังเพลง
แล้วเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับเพลง
เรื่องราวส่วนใหญ่ในเรื่องถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเพลง
มีเพลงให้ฟังจนเกือบทั้งเรื่อง ซึ่งดิฉันเริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยเริ่มจากในวันที่
17 ดิฉันดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและไม่เปิด subtitle
ใดๆ 1 รอบ โดยดิฉันได้ตั้งใจฟังและดูเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ดูในรอบแรกแล้วพบว่า
ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเลย เพราะส่วนใหญ่ดิฉันจะฟังเพลงเสียมากกว่า
ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าจะต้องดูอีกรอบหนึ่ง ส่วนในวันที่ 18
ดิฉันได้ดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและอ่าน subtitle ที่เป็นภาษาอังกฤษไปด้วย 1 รอบ ซึ่งทำให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
และสรุปได้ว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการร้องเพลง ซึ่งเป็นความฝันของหนุ่มสาว 2 คน
ที่โคจรมาพบกันและได้ทำความรู้จักกัน ทั้งสองคนชื่นชอบการร้องเพลงและการเล่นดนตรี
และมีพรสวรรค์ในด้านนี้ทั้งคู่ ผู้ชายเป็นนักดนตรีเปิดหมวกข้างถนน
แล้ววันหนึ่งผู้หญิงก็มาเจอเขาและได้ทำความรู้จักกัน ทำให้ผู้ชายได้รู้ว่าเธอมีลูกคนหนึ่ง
พวกเขาได้พบเจอและได้รู้จักกันในเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้ทั้งคู่ได้ค้นพบตัวเองมากยิ่งขึ้น
และต่างแยกย้ายกันเดินไปตามความฝันของตน
ในวันที่ 19 ตุลาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า The Lazy Song ของศิลปินชื่อว่า
Bruno Mars จาก https://www.youtube.com/watch?v=fLexgOxsZu0 เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้เพลงนี้เป็นเพลงสำหรับฝึกทักษะ
เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ช้ามากไป และไม่เร็วมากไปและยังฟังง่าย
เพราะคำศัพท์ที่ปรากฏในเพลงนั้นเป็นคำศัพท์ที่ไม่ยาก
ทั้งยังเป็นเพลงที่มีความไพเราะ ทำนองของเพลงเพลงก็สนุกสนานทำให้มีความรู้สึกสบายใจ
อีกทั้งเพลงนี้ยังตรงกับความรู้สึกของดิฉันในตอนนั้นด้วย
เพราะในวันนี้ดิฉันรู้สึกขี้เกียจมากๆกับการเริ่มอาทิตย์ใหม่ ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้
ดิฉันเริ่มจากการเปิดเพลงฟังโดยไม่ดูเนื้อร้อง
แล้วลองฟังดูว่าในเพลงนั้นเขาร้องว่าอย่างไร โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 5 รอบ
และจากนั้นดิฉันลองร้องตามเพลงนั้นจากการฟังเพียงอย่างเดียวแบบที่ยังไม่ได้ดูเนื้อร้อง
แล้วหลังจากนั้นดิฉันจึงมาเปิดดูเนื้อเพลง โดยเปิดเพลงแบบที่มี lyrics และฟังแล้วหัดร้องโดยการอ่านตามเนื้อเพลงทีละวรรค
มีคำศัพท์ยากๆบางคำที่ดิฉันต้องแปลความหมาย
ดิฉันก็ได้แปลไปพร้อมกับในขณะที่ดิฉันฟังเพลง จากนั้นดิฉันร้องตามโดยมี lyrics
ที่ยังมีเสียงนักร้องอยู่ 5 รอบ และฝึกร้องแบบ Karaoke อีก 5 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics และ Karaoke
ใดๆอีก 5 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับว่านักร้องมีความรู้สึกขี้เกียจ
เขาไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อยากนอนขลุกอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆแบบนั้นไปทั้งวัน
จากการฝึกทักษะการฟังตั้งแต่วันที่
13-19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการฟังเพลงที่มีชื่อว่า What Makes You
Beautiful ของ One Direction 1 เพลง และเพลง The
Lazy Song ของ Bruno Mars 1 เพลง ดูหนังเรื่อง
before sunrise จากในเว็บไซต์ 1 เรื่อง และดูหนังเรื่อง Once
ที่ยืมมาจาก American Corner 1 เรื่อง พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้นกว่าการฝึกทักษะการฟังในสองรอบแรก
สามารถฟังสิ่งต่างๆทั้งเพลง และดูหนังได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และสนุกมากขึ้น
ทำให้เพลิดเพลินกับการดูหนังและฟังเพลง ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแม้หนังที่ดูจะมีความยาวมากแค่ไหนก็ตาม
เพราะเมื่อเรารู้สึกว่าเราเข้าใจก็จะทำให้เรามีความสุขและรู้สึกภาคภูมิใจถึงความพยายามของตนเอง
และยังมีความสุขในการพัฒนาทักษะของตนเอง
โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการทำความเข้าใจเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้
การฝึกทักษะในครั้งนี้ยังทำให้ดิฉันได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับการทำในสิ่งที่ไร้สาระ
และได้เปลี่ยนทัศนคติของดิฉันที่มีต่อหนังต่างชาติได้ดีขึ้น
จากที่เมื่อก่อนดิฉันคิดว่าการดูหนังภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยากแก่การเข้าใจและเข้าถึง
แต่ตอนนี้กลับทำให้ดิฉันชอบหนังต่างชาติมากกว่าหนังไทยเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันยังได้ฝึกทักษะการอ่าน
การแปลและการตีความหมายจากการอ่าน Subtitle ทั้งในเพลง
และหนังอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันยังรู้จักคำศัพท์เพิ่มขึ้น
และรู้จักสำนวนหรือคำที่ใช้ในภาษาพูดมากขึ้นเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น