วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (6th October, 2015)



การฝึกทักษะการเขียน2

ในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน โดยเริ่มจากการอ่านเรื่องต่างๆ ดังนี้ เรื่อง Chocolate for Health and Beauty วรรณกรรมเรื่อง The Canterbury Tales ซึ่งถูกเขียนขึ้นโดย Geoffrey Chaucer ในชื่อตอน The Prologue At the Tabard Inn และตอน The Nun’s Priest’s Tale Chaunticleer and the Fox พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น มีทักษะการอ่าน ทั้งการอ่านแบบ skimming และ scanning ที่ดีพอสมควร อ่านเรื่องต่างๆได้เข้าใจมากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และเข้าใจบทอ่านได้เร็วกว่าการฝึกทักษะการอ่านในครั้งที่แล้ว และเมื่อเรามีทักษะการอ่านที่ดีแล้วนั้น เราอาจจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่เราได้อ่านไปยังผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ การถ่ายทอดสิ่งที่ได้อ่านหรือการถ่ายทอดสิ่งที่เราต้องการบอกให้ผู้อื่นรับทราบนั้นมีหลายหลากวิธี ทั้งการพูด และการเขียน ซึ่งดิฉันคิดว่าการถ่ายทอดด้วยวิธีการพูดนั้น ดิฉันยังพอสามารถทำได้อยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ดีเท่าที่ควร แต่ผู้รับฟังก็สามารถเข้าใจได้ เพราะเราสามารถใช้ท่าทางประกอบการพูดให้เขาเข้าใจได้ แต่การถ่ายทอดด้วยวิธีการเขียนนั้น ดิฉันยังประสบปัญหาอยู่มาก เพราะทั้งในด้านของความรู้เรื่องไวยากรณ์ที่ดิฉันจะต้องปรับปรุงเป็นอย่างมาก แล้วยังรวมไปถึงการใช้ภาษาที่ออกแนวของภาษาไทยมากเกินไป คือการใช้คำและสำนวนของภาษาไทยมาเขียนในภาษาอังกฤษ ทำให้ดิฉันคิดว่า ในสัปดาห์นี้ ดิฉันจะฝึกทักษะการเขียนอีกครั้ง ถึงแม้จะมีการฝึกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งที่แล้วนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะส่วนใหญ่เป็นการเขียนเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง ซึ่งดิฉันคิดว่ามันง่ายเกินไป และในสัปดาห์นี้ ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนของดิฉันตั้งแต่วันที่ 6-12 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดังนี้

ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน โดยการอ่าน เรื่อง David Copperfield ตอน David Copperfield’s childhood จากเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวรรณคดีอังกฤษ ซึ่งดิฉันได้เลือกอ่านเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่มีความสนุกสนานและยังสามารถนำความเข้าใจที่ได้จากการอ่านครั้งนี้ไปใช้ประกอบการเรียนในรายวิชาดังกล่าวได้อีกด้วย ซึ่งจากที่ได้อ่านเรื่องราวทั้งหมด ได้ความดังนี้ David Copperfield เกิดที่เมือง Suffolk ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ พ่อของเขาเสียชีวิตก่อนที่เขาจะเกิด 6 เดือน ทำให้แม่ของเขาไม่มีความสุขและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เขามีอาคนหนึ่งซึ่งรวยมากและสำคัญมากกับครอบครัวของเขา เธอเคยแต่งงานกับผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าแต่เขามักจะเรียกร้องเงินจากเธอและทำร้ายเธอ พวกเขาจึงเลิกกัน หลังจากที่พ่อของเขาแต่งงานกับแม่ซึ่งมีอายุน้อยกว่า อาของเขาไม่เคยพูดกับพ่อเขาเลย จนกระทั่งเธอรู้ว่าแม่ของเขาตั้งท้อง เธอได้มาพบแม่ของเขา เธอต้องการให้หลานของเธอเป็นผู้หญิง แต่เมื่อเธอรู้ว่าเป็นผู้ชายเธอจึงกลับไปและไม่มาอีกเลย เมื่อเขาอายุได้ 8 ปี แม่เขาก็มีสามีใหม่และพวกเขาได้แต่งงานกัน แต่ผู้ชายคนนั้นไม่เป็นมิตรกับเขาเลย เขาเข้ามาบงการชีวิตและครอบครัวของเดวิดทุกอย่าง ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนของดิฉันโดยการอ่านเรื่องนั้นให้เข้าใจเป็นอย่างดี มีการแปลคำศัพท์ยากๆบางคำ จากนั้นจึงสรุปเรื่องราวที่ได้อ่านเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษ ในขณะที่เขียนนั้นมีการตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์ การใช้คำ และการใช้ภาษาหลายรอบมาก จากนั้นจึงให้เพื่อนช่วยตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์และความสมบูรณ์ของเนื้อหาให้อีกครั้งหนึ่ง
            ในวันที่ 7-9 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน โดยการเขียนเรียงความ เรื่อง If I were rich เพราะหลังจากที่ดิฉันได้ศึกษาเรื่อง if-clause อย่างเข้าใจถี่ถ้วนแล้ว ดิฉันรู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันชอบมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องของจินตนาการและการใช้เหตุผล ดิฉันจึงได้คิดที่จะเขียนเรียงความเกี่ยวกับจินตนาการตามหัวข้อดังกล่าว ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนของดิฉัน ดังนี้ ในวันที่ 7 ดิฉันได้เขียน outline ซึ่งประกอบไปด้วย Introduction, Body1, Body2, Body3 และ Conclusion จากนั้นจึงกำหนด topic sentence ซึ่งเป็น main idea ของแต่ละ paragraph ต่อมาในวันที่ 8 ดิฉันได้เพิ่มรายละเอียดต่างๆลงไปในแต่ละย่อหน้าซึ่งนั่นก็คือ supporting details แล้วจึงขยายความจาก supporting details อีกครั้งหนึ่ง แล้วหลังจากที่เขียนเสร็จแล้ว ดิฉันได้เอาเรียงความฉบับร่างของดิฉันไปให้เพื่อนช่วยตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์ การใช้คำ และการใช้ภาษา เมื่อเพื่อนแก้ไขมาให้ ดิฉันจึงนำมาพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับการศึกษาเรื่องไวยากรณ์นั้นๆ ที่เพื่อนแก้ไขมาให้เพิ่มเติม เพื่อที่จะได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดให้ถูกต้อง ไม่ใช่แก้สิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง เพราะบางครั้งเพื่อนอาจจะแก้ไขมาให้ผิดก็ได้ สุดท้ายในวันที่ 9  หลังจากที่ได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดี ดิฉันได้ลงมือแก้ไขเรียงความฉบับร่างนั้นและให้เพื่อนช่วยตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงเขียนออกมาเป็นเรียงความที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้นจากการบอกของเพื่อนๆ และการศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพราะบางตัวดิฉันยังใช้ผิดอยู่ และเรียนรู้โดยการนำมาใช้ในการเขียนประโยคจริงๆ รวมทั้งได้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆเพิ่มขึ้น
ในวันที่ 10-12 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน โดยการเขียนเรียงความ เรื่อง My the most excited event ซึ่งเป็นการเขียนเรียงความแบบ narrative ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนของดิฉัน ดังนี้ ในวันที่ 10 ดิฉันได้เขียน outline ซึ่งประกอบไปด้วย Introduction, Body1, Body2, Body3 และ Conclusion จากนั้นจึงกำหนด topic sentence ซึ่งเป็น main idea ของแต่ละ paragraph อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญหลักๆ ที่เกิดขึ้น ต่อมาในวันที่ 11 ดิฉันได้เพิ่มรายละเอียดต่างๆลงไปในแต่ละย่อหน้าซึ่งนั่นก็คือ เหตุการณ์ต่างๆที่ดิฉันได้ประสบในวันนั้น โดยได้เขียนประโยคไว้เป็นลำดับตามเวลาที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง แล้วหลังจากที่เขียนเสร็จแล้ว ดิฉันได้เอาประโยคลำดับเหตุการณ์เหล่านั้นไปให้เพื่อนช่วยตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์ การใช้คำ และการใช้ภาษา เมื่อเพื่อนแก้ไขมาให้ ดิฉันจึงนำมาพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับการศึกษาเรื่องไวยากรณ์นั้นๆ ที่เพื่อนแก้ไขมาให้เพิ่มเติม เพื่อที่จะได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดให้ถูกต้อง สุดท้ายในวันที่ 12  หลังจากที่ได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดี ดิฉันได้ลงมือแก้ไขเรียงความฉบับร่างนั้น โดยการใช้คำเชื่อมต่างๆมาเรียงร้อยให้ประโยคลำดับเหตุการณ์ต่างๆ กลายเป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน และให้เพื่อนช่วยตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงเขียนออกมาเป็นเรียงความที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้นโดยการนำมาใช้ในการเขียนประโยคจริงๆ รวมทั้งได้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่ง tense ที่ดิฉันได้เรียนรู้มากที่สุดในครั้งนี้ คือ past tense เพราะเหตุการณ์ที่เขียนนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

จากการฝึกทักษะการเขียนตั้งแต่วันที่ 6-12 ตุลาคม พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ดังนี้ โดยการอ่าน เรื่อง David Copperfield ตอน David Copperfield’s childhood จากเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวรรณคดีอังกฤษ แล้วจึงเขียนสรุปเรื่องราวที่ได้อ่านนี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยการเขียนเรียงความ เรื่อง If I were rich และโดยการเขียนเรียงความ เรื่อง My the most excited event ซึ่งเป็นการเขียนเรียงความแบบ narrative ซึ่งจากการฝึกทักษะด้วยวิธีการต่างๆเหล่านี้ ทำให้ดิฉันสามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้ดีขึ้นไปอีกกว่าการฝึกทักษะการเขียนในครั้งที่แล้ว ซึ่งดิฉันได้เน้นการได้รับความรู้จากการเขียนไปในเรื่องของคำศัพท์ การใช้คำ การใช้ภาษาและความถูกต้องของไวยากรณ์ต่างๆ ซึ่งในส่วนของไวยากรณ์ที่ดิฉันได้ศึกษาเพิ่มมากขึ้น คือเรื่อง sentence, word order, tense และ subject-verb agreement นั่นทำให้ดิฉันได้ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับไวยากรณ์และได้รับความรู้ใหม่ที่ดิฉันยังไม่เคยรู้ด้วยเช่นกัน ทำให้ดิฉันมีความเข้าใจและสามารถใช้ไวยากรณ์ในทักษะการเขียนนี้ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ดิฉันยังได้ทบทวนการฝึกทักษะการอ่านไปในตัวด้วยเช่นกัน เพราะดิฉันได้ใช้ทักษะการอ่านควบคู่ไปกับการเขียน คือ การอ่านเรื่องแล้วมาเขียนสรุป นอกจากนั้นยังทำให้ดิฉันเป็นคนที่มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น เพราะเราต้องมีความละเอียดในการเขียน แม้เพียงเรื่องน้อยนิดก็ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย ซึ่งจากการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ทำให้ดิฉันมีความสุขในการเขียนสิ่งต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น