การฝึกทักษะการฟัง
ในการเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาแม่นั้น
เราจำเป็นต้องพยายามในการเรียนมากกว่าการเรียนปกติ
เพราะภาษาเหล่านั้นย่อมมีความแตกต่างจากภาษาแม่มาก
ซึ่งเราจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจมากขึ้น
ซึ่งอันดับแรกที่เราจะต้องศึกษานั่นคือ โครงสร้างทางภาษา ทั้งคำศัพท์ วลี
และรูปประโยค รวมไปถึงกาล (tense)
ในภาษาอังกฤษ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการเรียนภาษา
และเมื่อเราเข้าใจเนื้อหาอย่างถ่องแท้แล้วนั้น
เราจำเป็นต้องนำความรู้ทางทฤษฎีเหล่านั้นที่เรามีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
โดยเราจะต้องใช้ทักษะทั้ง 4 ในการนำไปใช้ นั่นคือ การฟัง
การพูด การอ่าน และการเขียน แต่จะเห็นได้ว่า
การศึกษาของไทยและสภาพแวดล้อมในประเทศไทย ไม่เอื้อต่อการฝึกทักษะเท่าไร
เราจึงจำเป็นต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด ซึ่งจากการที่ดิฉันได้สำรวจตนเองแล้วพบว่า
ดิฉันยังอ่อนทักษะทางภาษาในทุกด้านที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนา
ซึ่งดิฉันได้ตัดสินใจเริ่มพัฒนาทักษะจากการฟัง
เพราะการฟังเป็นพื้นฐานทางการฝึกทักษะทางภาษาและนำไปสู่การฝึกทักษะอื่นๆต่อไป
ซึ่งดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะตั้งแต่วันที่ 18-24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ดังนี้
ในวันที่ 18 สิงหาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า
A thousand years ของศิลปินชื่อว่า
Christina Perri ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Twilight
เพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังง่าย เพราะเป็นเพลงช้า
และคำศัพท์ในเพลงก็ง่าย ทำให้สามารถเข้าใจเนื้อเพลงได้ดี
และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังฝึกทักษะการ
ฟังอย่างดิฉัน เพราะการที่เราจะเกิดทักษะที่ดีนั้น จะต้องเริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปสู่สิ่งที่ยาก ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ดิฉันเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และนั่งทำการบ้านไปด้วย แล้วลองฟังดูว่าในเพลงนั้นเขาร้องว่าอย่างไร โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 5 รอบ และลองร้องตามโดยไม่รู้เลยว่าเพลงนั้นจริงๆแล้วมีเนื้อหาอย่างไร แล้วหลังจากนั้น ก็มานั่งดูเพลง โดยเปิดเพลงแบบมี lyrics แล้วดูว่าตรงกับที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรง มีเพียงบางคำเท่านั้นที่ดิฉันฟังไม่ชัด และก็เปิดเพลงนั้นไว้อย่างนั้นและหัดร้องตาม โดยดู lyrics 5 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics อีก 10 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กลัวความรัก กลัวการผิดหวัง เพราะเคยผิดหวังกับรักครั้งก่อน แต่เมื่อเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งเขายืนอยู่คนเดียว เธอคนนั้นจึงได้รู้ว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เธอรักเขามาเป็นพันปีแล้ว และจะยังคงรักเขาอีกเป็นพันๆปีต่อไป และด้วยพลังแห่งความรักครั้งใหม่นี้ทำให้เธอพยายามที่จะเข้มแข็ง ซึ่งจากการฟังเพลงนี้ เมื่อฉันฟังเข้าใจ ทำให้ฉันได้ฝึกทักษะการฟังและการแปลไปด้วยเช่นกัน
ในวันที่ 19 สิงหาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังบทสนทนา At
the restaurant บทสนทนานี้เป็นบทสนทนาที่ฟังง่ายและมีคำศัพท์ง่ายๆปรากฏอยู่ในบทสนทนา
อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ซึ่งเราอาจได้เจอหรือได้สนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้
สำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้
ในเว็บไซต์นั้นเป็นเว็บสำหรับการฝึกการฟังโดยเฉพาะ จึงมีเสียงการสนทนาแบบช้าและแบบเร็ว
อันดับแรกดิฉันจึงเลือกฟังเสียงการสนทนาแบบช้าซึ่งมีความยาว 7.50 นาทีก่อน 5 รอบ เมื่อคิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจแล้วว่าเขาสนทนาเกี่ยวกับอะไรบ้าง
จึงเลือกฟังบทสนทนาแบบเสียงปกติซึ่งมีความยาว 5.50 นาทีอีก 10
รอบ
จากนั้นจึงฟังบทสนทนาแบบเสียงปกติพร้อมไปกับการอ่านบทสนทนาที่เขาให้มาอีก 10
รอบ ซึ่งการสนทนานี้เป็นการสนทนากันเกี่ยวกับร้านอาหารและการสั่งอาหาร
โดยที่ Scott
เคยมาที่ร้านนั้นแล้วและพอจะรู้ว่าอะไรอร่อยจึงได้แนะนำอาหารให้กับ Rebecca และพวกเขาก็ได้เลือกสั่งอาหารต่างๆมาทานกัน ซึ่งจากการฟังบทสนทนานี้
ทำให้ดิฉันได้ฝึกการฟังไปพร้อมกับการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆและมารยาทในร้านอาหารด้วย
นอกจากนี้ในเว็บนั้นยังสามารถฟังการออกเสียงประโยคแต่ละประโยคโดยการกดที่รูปลำโพงท้ายประโยคและการออกเสียงคำศัพท์แต่ละคำโดยการวางเคอร์เซอร์บนคำศัพท์นั้นๆและคลิกบนคำศัพท์เพื่อดูความหมายของแต่ละคำฟังอย่างดิฉัน เพราะการที่เราจะเกิดทักษะที่ดีนั้น จะต้องเริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปสู่สิ่งที่ยาก ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ดิฉันเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และนั่งทำการบ้านไปด้วย แล้วลองฟังดูว่าในเพลงนั้นเขาร้องว่าอย่างไร โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 5 รอบ และลองร้องตามโดยไม่รู้เลยว่าเพลงนั้นจริงๆแล้วมีเนื้อหาอย่างไร แล้วหลังจากนั้น ก็มานั่งดูเพลง โดยเปิดเพลงแบบมี lyrics แล้วดูว่าตรงกับที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรง มีเพียงบางคำเท่านั้นที่ดิฉันฟังไม่ชัด และก็เปิดเพลงนั้นไว้อย่างนั้นและหัดร้องตาม โดยดู lyrics 5 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics อีก 10 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กลัวความรัก กลัวการผิดหวัง เพราะเคยผิดหวังกับรักครั้งก่อน แต่เมื่อเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งเขายืนอยู่คนเดียว เธอคนนั้นจึงได้รู้ว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เธอรักเขามาเป็นพันปีแล้ว และจะยังคงรักเขาอีกเป็นพันๆปีต่อไป และด้วยพลังแห่งความรักครั้งใหม่นี้ทำให้เธอพยายามที่จะเข้มแข็ง ซึ่งจากการฟังเพลงนี้ เมื่อฉันฟังเข้าใจ ทำให้ฉันได้ฝึกทักษะการฟังและการแปลไปด้วยเช่นกัน
ในวันที่ 20 สิงหาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า All of me
ของศิลปินชื่อว่า John Legend เพลงนี้เป็นเพลงที่ค่อนข้างฟังง่าย
เพราะเป็นเพลงช้า แต่ก็เร็วกว่าเพลงแรกที่ดิฉันฝึกคือเพลง A
thousand years และคำศัพท์ในเพลงก็ค่อนข้างง่าย อาจจะกล่าวได้ว่าดิฉันได้เพิ่มระดับความยากของเพลงขึ้น
เพื่อทดสอบตัวเองว่าพอจะเข้าใจไหม และมีการพัฒนาที่สูงขึ้นไหม
ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ดิฉันก็ทำเหมือนเดิมโดยเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และทำอย่างอื่นไปด้วย
โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 8 รอบ และลองร้องตาม
แล้วหลังจากนั้น ก็มานั่งดูเพลง โดยเปิดเพลงแบบมี lyrics แล้วดูว่าตรงกับที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างตรง มีหลายคำที่ดิฉันฟังไม่ชัดหรือฟังไม่ทัน
และก็เปิดเพลงนั้นไว้อย่างนั้นและหัดร้องตาม โดยดู lyrics 10 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics
อีก 12 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจนหมดทั้งหัวใจของเขา
เขาคิดไปว่าเธอทำให้เขาสับสนวุ่นวายและเป็นไปต่างๆนานาเพราะเขาเกิดอาการของคนตกหลุมรัก
เขาสามารถให้ทุกอย่างที่เขามีกับผู้หญิงคนนั้นได้ ถ้าเธอคนนั้นให้ทุกอย่างของเธอแก่เขาเช่นกัน
โดยที่เขาไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอย่างไรแต่เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารักและต้องการ
ซึ่งจากการฟังเพลงนี้ เมื่อฉันฟังเข้าใจ
ทำให้ฉันได้ฝึกทักษะและการแปลไปด้วยเช่นกัน
ในวันที่ 21 สิงหาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า I Won't Give Up
ของศิลปินชื่อว่า Jason Mraz ซึ่งสำหรับเพลงนี้เป็นเพลงช้า
แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเขาร้องแบบเร็วทำให้ช่วงนี้ฟังยากนิดนึง
แต่คำศัพท์ในเพลงก็ยังพอเข้าใจได้ ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้
ดิฉันก็ทำเหมือนเดิมโดยเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และทำอย่างอื่นไปด้วย
โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 10 รอบ และลองร้องตาม เพราะเพลงนี้มีระดับความยากที่สูงขึ้น
ทำให้จำเป็นต้องฟังหลายรอบมากขึ้น แล้วหลังจากนั้น ก็มานั่งดูเพลง
โดยเปิดเพลงแบบมี lyrics แล้วดูว่าตรงกับที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างตรง มีหลายคำที่ดิฉันฟังไม่ชัดหรือฟังไม่ทันโดยเฉพาะช่วงที่เขาร้องเร็ว
และก็เปิดเพลงนั้นไว้อย่างนั้นและหัดร้องตาม
โดยดู lyrics 12 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics อีก 12 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจนหมดทั้งหัวใจของเขา
เขาบอกว่าถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายมาขัดขวางความรักของเขา แม้ฟ้าจะไม่เป็นใจ
แม้พวกเขาทั้งสองจะมีความแตกต่างกัน
แต่เขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายและเขาจะไม่ยอมแพ้ จะยังคงรักเธอตลอดไป และหากแม้พวกเขาจะไม่สามารถรักกันได้ก็ตาม
เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ในวันที่ 22
สิงหาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังบทสนทนา At the park บทสนทนานี้ค่อนข้างยากขึ้นกว่าบทสนทนาที่แล้ว ในเรื่อง At the
restaurant เพราะบทสนทนานี้จะมีคำศัพท์และรูปประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
แต่ยังคงเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้
สำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ก็เช่นเดิม คือ
ในเว็บไซต์นั้นเป็นเว็บสำหรับการฝึกการฟังโดยเฉพาะ
จึงมีเสียงการสนทนาแบบช้าและแบบเร็ว อันดับแรกดิฉันจึงเลือกฟังเสียงการสนทนาแบบช้าซึ่งมีความยาว
12.35 นาทีก่อน 7 รอบ
เมื่อคิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจแล้วว่าเขาสนทนาเกี่ยวกับอะไรบ้าง
จึงเลือกฟังบทสนทนาแบบเสียงปกติซึ่งมีความยาว 10.00 นาทีอีก
10 รอบ จากนั้นจึงฟังบทสนทนาแบบเสียงปกติพร้อมไปกับการอ่านบทสนทนาที่เขาให้มาอีก 10
รอบ ซึ่งการสนทนานี้เป็นการสนทนากันเกี่ยวกับการไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ โดยที่
Jane ได้นั่งลงที่ม้านั่งเพื่อพักหายเหนื่อยหลังจากการวิ่งมา
และเธอได้เจอกับ Chris ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเธอ
พวกเขาทั้งสองคนได้พูดคุยทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบกัน ซึ่ง Chris ได้มาออกกำลังกายกับภรรยาของเขา
ซึ่งก่อนหน้านั้นภรรยาของเขากำลังไปซื้อน้ำ และเมื่อภรรยาของ Chris กลับมา พวกเธอก็ได้แนะนำตัวแก่กันและไปวิ่งพร้อมกัน
ในวันที่ 23 สิงหาคม
พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า Shake It Off ของศิลปินชื่อว่า
Taylor Swift ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงเร็ว แต่คำศัพท์ไม่ยาก
สามารถเข้าใจได้ เพราะเนื้อเพลงมีไม่มาก วนไปวนมาอยู่ที่เดิม ดังนั้น
ถึงแม้จะเป็นเพลงเร็วแต่ก็สามารถฟังและเข้าใจได้ ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้
ดิฉันก็ทำเหมือนเดิมโดยเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และทำอย่างอื่นไปด้วย
โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 10 รอบ และลองร้องตาม
เพราะเพลงนี้มีระดับความยากที่สูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องฟังหลายรอบมากขึ้น
แล้วหลังจากนั้น ก็มานั่งดูเพลง โดยเปิดเพลงแบบมี lyrics แล้วดูว่าตรงกับที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างตรง มีบางคำเท่านั้นที่ดิฉันฟังไม่ชัดหรือฟังไม่ทันเพราะเป็นเพลงเร็ว และก็เปิดเพลงนั้นไว้อย่างนั้นและหัดร้องตาม
โดยดู lyrics 12 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics อีก 12 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยแคร์คนอื่น
เพราะไม่ว่าเธอจะทำในสิ่งดีหรือไม่ดี คนที่ไม่ชอบเธอก็ยังคงไม่ชอบเธอ
คนที่เสแสร้งก็ยังคงเสแสร้งต่อไป และเราเพียงสะบัดมันออกไป
และดำเนินชีวิตของเราต่อไปและทุกอย่างก็จะดีเอง
ในวันที่ 24
สิงหาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการดูหนัง เรื่อง Alice in
wonderland ซึ่งได้ยืมมาจากห้อง American Corner เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้เพราะเป็นการ์ตูน ซึ่งสนุกแก่การดู
ทำให้มีความเพลิดเพลิน ทั้งนี้ยังมีเนื้อหาที่เข้าใจได้ง่าย คำศัพท์ก็ไม่ยาก
ซึ่งดิฉันเริ่มฝึกจากการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและไม่เปิด subtitle ใดๆ 1 รอบ จากนั้นจึงฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและอ่าน subtitle
ที่เป็นภาษาอังกฤษ 1 รอบ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและ
เพื่อทดสอบดูว่าที่ได้คิดไว้นั้นตรงกับที่เราเข้าใจที่ได้รับจากการฟังนั้นถูกต้องหรือไม่
ซึ่งจากการดูหนังทั้ง 2 รอบนี้ทำให้ดิฉันได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
และได้รู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ว่า อลิซเป็นเด็กที่มีความฉลาด
เธอมักจะสงสัยในสิ่งต่างๆเสมอ
ซึ่งในวันนั้นเธอได้นั่งใต้ต้นไม้กับพี่สาวของเธอและพี่สาวของเธอกำลังนั่งอ่านหนังสือ
แต่อลิซไม่มีอะไรจะทำ ทำให้อลิซรู้สึกเบื่อและง่วง และตอนนั้นก็ได้มีกระต่ายสีขาวตัวหนึ่งวิ่งผ่านมาด้วยความเร่งรีบ
และพูดว่า “สายแล้ว ฉันสายแล้ว” ทำให้อลิซเกิดความสงสัยและวิ่งตามกระต่ายไปและได้ลงไปในหลุมของกระต่าย
หลังจากนั้นเธอก็ได้พบเรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย ทั้งสัตว์และต้นไม้ที่พูดได้
และเธอสามารถตัวเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นได้ เพียงแค่เธอทานสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ในดินแดนนั้น
และหลังจากนั้นเธอก็ได้ตื่นขึ้นมาและพบว่าเรื่องราวประหลาดทั้งหมดนั้นที่เธอพบเจอคือความฝันในขณะที่เธอหลับไปนั่นเอง
จากการฝึกทักษะการฟังตั้งแต่วันที่
18-24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการฟังเพลง 4 เพลง
ฟังบทสนทนา 2 บท และดูหนัง 1 เรื่อง
พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น ฟังสิ่งต่างๆทั้งเพลง
บทสนทนาและดูภาพยนตร์ได้เข้าใจมากขึ้น และสนุกมากขึ้น
ทำให้เพลิดเพลินกับการดูหนังและฟังเพลง
โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการทำความเข้าใจเหมือนแต่ก่อน สามารถฟังเพลงหรือบทสนทนาที่เขาพูดเร็วได้มากขึ้น
นอกจากนี้จากการฝึกทักษะนี้ยังทำให้ดิฉันชอบฟังเพลงและดูหนังภาษาอังกฤษมากขึ้น
จากที่เมื่อก่อนไม่เคยชอบเลยเพราะฟังไม่เข้าใจเลยทำให้ดูหนังและฟังเพลงไม่รู้เรื่อง
และเมื่อดิฉันฝึกเสร็จตามแผนที่ดิฉันวางไว้นั้นดิฉันก็ยังคงไม่หยุดฝึกทักษะนี้
เพราะดิฉันได้รู้แล้วว่าการจะเกิดทักษะใดทักษะหนึ่งนั้น
เราจำเป็นต้องฝึกอยู่เสมอและใช้บ่อยๆ เพราะหากเราละเลยไปอาจทำให้ลืมได้
ถึงแม้อาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามสูงมากก็ตาม
แต่ไม่มีผู้ใดจะเก่งได้หากไร้ซึ่งการฝึกฝนและพัฒนาตนอยู่เสมอ อาจกล่าวได้ว่า
ถึงแม้จะมีพรสวรรค์มากมายเพียงใดที่เอื้อต่อการเรียนรู้แต่หากเราไม่มีพรแสวงก็ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น