วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (1st September, 2015)


การฝึกทักษะการอ่าน

ในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูด โดยเริ่มจากการเรียนรู้การออกเสียงคำศัพท์ที่มีความคล้ายคลึงกันซึ่งคนไทยมักเข้าใจผิดและออกเสียงไม่ถูกต้อง 2 คลิป การฝึกออกเสียงประโยคพื้นฐาน 30 ประโยคอีก 1 คลิป การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ 1 คลิป และการพูดตามบทสนทนาต่างๆอีก 3 คลิป  พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น มีความมั่นใจในการพูดมากขึ้นและไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะดิฉันได้ทดสอบความสามารถของตัวเองโดยการโทรไปคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติผ่าน Facebook ซึ่งสำหรับในสัปดาห์นี้ ดิฉันจึงต้องการฝึกทักษะการอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ดิฉันควรได้รับการพัฒนา เพราะดิฉันเป็นคนที่รู้จักคำศัพท์น้อย จึงทำให้อ่านบทความต่างๆไม่ค่อยเข้าใจ ต้องนั่งแปลศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้ต้องใช้เวลานานมากในการอ่าน นอกจากนี้ดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจรูปประโยครูปแบบต่างๆที่มีความซับซ้อนมากด้วย จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจบทความที่อ่านด้วยเช่นกัน จากปัญหาข้างต้นนั้นทำให้ดิฉันไม่สามารถอ่านบทความต่างๆได้เข้าใจ เพราะไม่สามารถแปลความหมายของบทอ่านนั้นออกมาได้ จึงเป็นเหตุให้ดิฉันไม่ชอบอ่านบทความต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษ มักจะหาบทความที่ถูกแปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยไว้แล้วมากกว่า ซึ่งดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่วันที่ 1-7 กันยายน พ.ศ. 2558 ดังนี้


ในวันที่ 1-2 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน โดยการอ่านบทความเรื่อง six health tips จากอินเตอร์เน็ต  http://www.myenglishpages.com/site_php_files/reading-health-tips.php   ซึ่งเป็นบทความที่เกี่ยวกับเคล็ดลับและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพทั้ง 6 ประการ  โดยประกอบไปด้วย การออกกำลังกาย การทานอาหารเพื่อสุขภาพ การลดความเครียด การปรับปรุงการนอน และการคิดในแง่บวก ซึ่งคำศัพท์ในบทความนั้น ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ง่ายๆ และรูปประโยคในบทความก็ไม่ซับซ้อน ทำให้ดิฉันสามารถเข้าใจเนื้อความคร่าวๆได้เลยจากการอ่านในครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะบทความดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวด้วย จึงทำให้ดิฉันเข้าใจได้ดี ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในวันที่ 1 ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมด 3 รอบ ดังนี้ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ skimming เพื่อดูบทความโดยรวมก่อน และในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของบทความให้ได้ ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด และแปลความหมายออกมาให้เกิดความเข้าใจอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 2  ดิฉันได้ฝึกอ่านออกเสียงไปทีละประโยคด้วย เพื่อฝึกทักษะการอ่านออกเสียงให้มี intonation และน่าฟัง มีการวรรคตอนที่ถูกต้อง เหมาะสม รวมไปถึงการอ่านให้มีสำเนียง English อีกด้วย
ในวันที่ 3-4 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน โดยการอ่านนิทานเรื่อง The Princess and the Pea by Hans Christian Andersen จากอินเตอร์เน็ต http://www.artpassions.net/stories/princess_and_the_pea.html    ซึ่งเป็นนิทานเกี่ยวกับเจ้าชายผู้หนึ่งได้ออกตามหาเจ้าหญิงซึ่งเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอ จนวันหนึ่ง ท่ามกลางพายุฝน มีหญิงสาวคนหนึ่งมายืนหน้าปราสาทและบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงผู้แท้จริง พระราชินีจึงให้คนรับใช้จัดที่นอนให้ โดยได้วางเมล็ดถั่วลงบนที่นอนและนำฟูกและผ้านวมมาวางซ้อนกันอีก 20 ชั้น ในวันรุ่งขึ้นพระราชินีจึงได้ถามหญิงสาวว่าหลับสบายไหม ซึ่งหญิงผู้นั้นจึงบอกว่ามีบางสิ่งอยู่บนเตียงทำให้เธอนอนไม่หลับ ทุกคนจึงได้รู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงที่แท้จริง จึงได้มีการจัดงานอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงขึ้น ซึ่งดิฉันได้เลือกอ่านนิทานเรื่องนี้ เพราะมีคำศัพท์ที่ไม่ค่อยยาก รูปประโยคก็ไม่ค่อยมีความซับซ้อน จึงสามารถอ่านเรื่องได้เข้าใจได้ง่าย ทั้งยังเป็นนิทานซึ่งเมื่ออ่านแล้ว มีความสนุก เพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายหลังจากการเรียนได้ดี เพราะดิฉันคิดว่าการที่เราอ่านเรื่องที่เรามีความสนใจ จะทำให้เรามีความสุขและสามารถพัฒนาทักษะได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในวันที่ 3 ดิฉันได้ฝึกอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด 3 รอบเช่นเดิม ดังนี้ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming ในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด ส่วนในวันที่ 4 ดิฉันได้แปลนิทานจากคำศัพท์ที่ได้หาไว้เมื่อวันที่ 3
ในวันที่ 5-6 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน โดยการอ่านข่าว เรื่อง Ultra violence in Laos sparks warning for football fans จากอินเตอร์เน็ตhttp://www.bangkokpost.com/news/general/681996/ultra-violence-in-laos-sparks-warning-for-football-fans   ซึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับแฟนบอลชาวไทยก่อความวุ่นวายโดยการจุดพลุไฟหลังจากที่ ไทยได้ยิงประตูขึ้นนำเวียดนามในประตูที่ 2 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนระหว่างไทย กับ เวียดนาม ในประเทศลาว เจ้าหน้าที่ของลาวจึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการเตือน แต่กลับทำให้เกิดการชุลมุนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้คนไทยโดนจับกุมตัวจำนวน 25 คน ซึ่งเนื้อหาในข่าวนี้มีคำศัพท์หลายคำที่ค่อนข้างยาก และรูปประโยคก็มีความซับซ้อน ประโยคส่วนใหญ่มีความยาวมาก จึงทำให้ดิฉันหาประธานและกริยาไม่ค่อยเจอ ทำให้ต้องใช้เวลานานในการอ่านข่าวนี้ ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในวันที่ 5 ดิฉันได้ฝึกอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด 3 รอบเช่นเดิม ดังนี้ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming เพื่อดูข่าวโดยรวมก่อน และในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของข่าวให้ได้ ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านข่าวทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของข่าวโดยรวมทั้งหมด และในวันที่ 6 แปลความหมายของข่าวออกมาให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น
ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน โดยการอ่าน passage เรื่อง Magnets and Electromagnets จากอินเตอร์เน็ต http://education.jlab.org/reading/magnets.html  ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแม่เหล็กและแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งในเนื้อเรื่องได้เริ่มจากการค้นพบหินที่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก  และการนำหินที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมาใช้งาน และการพัฒนาไปจนกลายเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า จนอธิบายไปถึงการนำสิ่งนั้นมาทำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆในปัจจุบัน ซึ่งในเนื้อเรื่องนี้มีคำศัพท์ยากๆหลายคำ และยังมีคำศัพท์เฉพาะอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีประโยคที่ค่อนข้างซับซ้อน มีการเชื่อมคำต่อๆกันในประโยคจนกลายเป็นประโยคยาวๆ ทำให้ยากในการแปลความและทำความเข้าใจเนื้อหาของ passage นี้ แต่สำหรับ passage นี้เป็น Reading comprehension passage ดังนั้นใน passage จึงมีการเว้นคำไว้เอาให้เราเลือกคำที่กำหนดให้มาเติมให้ถูกต้องเพื่อทดสอบความเข้าใจจากการอ่าน ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming เพื่อดูเนื้อหาโดยรวมก่อน และในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่องให้ได้ ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของเนื้อเรื่องโดยรวมทั้งหมด และในรอบที่ 4 ดิฉันได้เลือกคำที่เขาได้เว้นไว้เพื่อทดสอบการอ่านของดิฉันและตรวจคำตอบ ปรากฏว่าดิฉันได้คะแนน 80% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

จากการฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่วันที่ 1-7 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการอ่านเรื่องต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 4 เรื่อง ดังนี้ บทความเกี่ยวกับสุขภาพเรื่อง six health tips 1 บทความ นิทานเรื่อง The princess and the pea 1 เรื่อง อ่านข่าวเรื่อง Ultra violence in Laos sparks warning for football fans และสุดท้ายอ่าน passage เรื่อง Magnets and Electromagnets แล้วฝึกเติมคำที่เขาได้เว้นไว้เพื่อทดสอบความเข้าใจในการอ่าน พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น อ่านเรื่องต่างๆได้เข้าใจมากขึ้น รู้จักคำศัพท์มากขึ้น และเข้าใจรูปประโยคในแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถหาประธานและกริยาในประโยคยาวๆได้เร็วขึ้น และมีกลวิธีในการอ่านที่ดีขึ้น และแปลความหมายของบทอ่านได้เข้าใจมากขึ้น ทำให้มีความสนุกกับการอ่านเรื่องต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ซึ่งในสัปดาห์ดิฉันไม่ได้เพียงฝึกทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว เพราะจากที่ดิฉันได้อ่านบทอ่านต่างๆแล้วนั้นทำให้ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงให้มี intonation และมีสำเนียงที่น่าฟัง รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการแปลควบคู่ไปด้วยเช่นกัน  เพราะเราจะไม่สามารถอ่านเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษได้เข้าใจหากเราไม่ได้แปลเนื้อเรื่องนั้นมาเป็นภาษาแม่ เพราะเราจะสามารถเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่เราอ่านจากภาษาแม่ได้ดีกว่าภาษาที่สองแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น