การฝึกทักษะการอ่าน
ในสัปดาห์ที่แล้ว
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูด โดยเริ่มจากการเรียนรู้การออกเสียงคำศัพท์ที่มีความคล้ายคลึงกันซึ่งคนไทยมักเข้าใจผิดและออกเสียงไม่ถูกต้อง
2 คลิป การฝึกออกเสียงประโยคพื้นฐาน 30 ประโยคอีก 1 คลิป การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ 1
คลิป และการพูดตามบทสนทนาต่างๆอีก 3 คลิป
พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น มีความมั่นใจในการพูดมากขึ้นและไม่เขินอายอีกต่อไป
เพราะดิฉันได้ทดสอบความสามารถของตัวเองโดยการโทรไปคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติผ่าน Facebook
ซึ่งสำหรับในสัปดาห์นี้ ดิฉันจึงต้องการฝึกทักษะการอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ดิฉันควรได้รับการพัฒนา
เพราะดิฉันเป็นคนที่รู้จักคำศัพท์น้อย จึงทำให้อ่านบทความต่างๆไม่ค่อยเข้าใจ
ต้องนั่งแปลศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้ต้องใช้เวลานานมากในการอ่าน นอกจากนี้ดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจรูปประโยครูปแบบต่างๆที่มีความซับซ้อนมากด้วย
จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจบทความที่อ่านด้วยเช่นกัน
จากปัญหาข้างต้นนั้นทำให้ดิฉันไม่สามารถอ่านบทความต่างๆได้เข้าใจ
เพราะไม่สามารถแปลความหมายของบทอ่านนั้นออกมาได้
จึงเป็นเหตุให้ดิฉันไม่ชอบอ่านบทความต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษ
มักจะหาบทความที่ถูกแปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยไว้แล้วมากกว่า ซึ่งดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่วันที่
1-7 กันยายน พ.ศ. 2558 ดังนี้
ในวันที่
1-2 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน
โดยการอ่านบทความเรื่อง six health tips จากอินเตอร์เน็ต http://www.myenglishpages.com/site_php_files/reading-health-tips.php
ซึ่งเป็นบทความที่เกี่ยวกับเคล็ดลับและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพทั้ง 6
ประการ โดยประกอบไปด้วย
การออกกำลังกาย การทานอาหารเพื่อสุขภาพ การลดความเครียด การปรับปรุงการนอน และการคิดในแง่บวก
ซึ่งคำศัพท์ในบทความนั้น ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ง่ายๆ และรูปประโยคในบทความก็ไม่ซับซ้อน
ทำให้ดิฉันสามารถเข้าใจเนื้อความคร่าวๆได้เลยจากการอ่านในครั้งแรก
อาจจะเป็นเพราะบทความดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวด้วย จึงทำให้ดิฉันเข้าใจได้ดี
ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในวันที่ 1 ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมด
3 รอบ ดังนี้ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ skimming เพื่อดูบทความโดยรวมก่อน และในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ
scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของบทความให้ได้ ส่วนในรอบที่ 3
ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ
เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด
และแปลความหมายออกมาให้เกิดความเข้าใจอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 2 ดิฉันได้ฝึกอ่านออกเสียงไปทีละประโยคด้วย
เพื่อฝึกทักษะการอ่านออกเสียงให้มี intonation และน่าฟัง
มีการวรรคตอนที่ถูกต้อง เหมาะสม รวมไปถึงการอ่านให้มีสำเนียง English อีกด้วย
ในวันที่
3-4 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน
โดยการอ่านนิทานเรื่อง The Princess and the Pea by Hans Christian Andersen จากอินเตอร์เน็ต
http://www.artpassions.net/stories/princess_and_the_pea.html ซึ่งเป็นนิทานเกี่ยวกับเจ้าชายผู้หนึ่งได้ออกตามหาเจ้าหญิงซึ่งเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง
แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอ จนวันหนึ่ง ท่ามกลางพายุฝน
มีหญิงสาวคนหนึ่งมายืนหน้าปราสาทและบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงผู้แท้จริง
พระราชินีจึงให้คนรับใช้จัดที่นอนให้ โดยได้วางเมล็ดถั่วลงบนที่นอนและนำฟูกและผ้านวมมาวางซ้อนกันอีก
20 ชั้น ในวันรุ่งขึ้นพระราชินีจึงได้ถามหญิงสาวว่าหลับสบายไหม
ซึ่งหญิงผู้นั้นจึงบอกว่ามีบางสิ่งอยู่บนเตียงทำให้เธอนอนไม่หลับ
ทุกคนจึงได้รู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงที่แท้จริง จึงได้มีการจัดงานอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงขึ้น
ซึ่งดิฉันได้เลือกอ่านนิทานเรื่องนี้ เพราะมีคำศัพท์ที่ไม่ค่อยยาก
รูปประโยคก็ไม่ค่อยมีความซับซ้อน จึงสามารถอ่านเรื่องได้เข้าใจได้ง่าย
ทั้งยังเป็นนิทานซึ่งเมื่ออ่านแล้ว มีความสนุก เพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายหลังจากการเรียนได้ดี
เพราะดิฉันคิดว่าการที่เราอ่านเรื่องที่เรามีความสนใจ
จะทำให้เรามีความสุขและสามารถพัฒนาทักษะได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน
ดังนี้ คือ ในวันที่ 3 ดิฉันได้ฝึกอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด 3 รอบเช่นเดิม
ดังนี้ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming ในรอบที่ 2
ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ
เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด ส่วนในวันที่ 4 ดิฉันได้แปลนิทานจากคำศัพท์ที่ได้หาไว้เมื่อวันที่ 3
ในวันที่ 5-6 กันยายน พ.ศ. 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน
โดยการอ่านข่าว เรื่อง Ultra violence
in Laos sparks warning for football fans จากอินเตอร์เน็ตhttp://www.bangkokpost.com/news/general/681996/ultra-violence-in-laos-sparks-warning-for-football-fans ซึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับแฟนบอลชาวไทยก่อความวุ่นวายโดยการจุดพลุไฟหลังจากที่
ไทยได้ยิงประตูขึ้นนำเวียดนามในประตูที่ 2 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนระหว่างไทย กับ
เวียดนาม ในประเทศลาว เจ้าหน้าที่ของลาวจึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการเตือน
แต่กลับทำให้เกิดการชุลมุนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้คนไทยโดนจับกุมตัวจำนวน 25 คน ซึ่งเนื้อหาในข่าวนี้มีคำศัพท์หลายคำที่ค่อนข้างยาก
และรูปประโยคก็มีความซับซ้อน ประโยคส่วนใหญ่มีความยาวมาก
จึงทำให้ดิฉันหาประธานและกริยาไม่ค่อยเจอ ทำให้ต้องใช้เวลานานในการอ่านข่าวนี้ ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน
ดังนี้ คือ ในวันที่ 5 ดิฉันได้ฝึกอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด 3
รอบเช่นเดิม ดังนี้ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming เพื่อดูข่าวโดยรวมก่อน
และในรอบที่ 2 ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของข่าวให้ได้
ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านข่าวทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ
เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของข่าวโดยรวมทั้งหมด และในวันที่ 6 แปลความหมายของข่าวออกมาให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น
ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน
โดยการอ่าน passage เรื่อง Magnets and Electromagnets จากอินเตอร์เน็ต http://education.jlab.org/reading/magnets.html ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแม่เหล็กและแม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งในเนื้อเรื่องได้เริ่มจากการค้นพบหินที่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก และการนำหินที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมาใช้งาน
และการพัฒนาไปจนกลายเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า
จนอธิบายไปถึงการนำสิ่งนั้นมาทำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆในปัจจุบัน
ซึ่งในเนื้อเรื่องนี้มีคำศัพท์ยากๆหลายคำ และยังมีคำศัพท์เฉพาะอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีประโยคที่ค่อนข้างซับซ้อน มีการเชื่อมคำต่อๆกันในประโยคจนกลายเป็นประโยคยาวๆ
ทำให้ยากในการแปลความและทำความเข้าใจเนื้อหาของ passage นี้
แต่สำหรับ passage นี้เป็น Reading comprehension
passage ดังนั้นใน passage
จึงมีการเว้นคำไว้เอาให้เราเลือกคำที่กำหนดให้มาเติมให้ถูกต้องเพื่อทดสอบความเข้าใจจากการอ่าน
ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านของดิฉัน ดังนี้ คือ ในรอบแรกใช้วิธีการอ่านโดยการ Skimming
เพื่อดูเนื้อหาโดยรวมก่อน และในรอบที่ 2
ดิฉันใช้กลวิธีการอ่านโดยการ Scanning เพื่อจับประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่องให้ได้
ส่วนในรอบที่ 3 ดิฉันได้อ่านบทความทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของเนื้อเรื่องโดยรวมทั้งหมด
และในรอบที่ 4 ดิฉันได้เลือกคำที่เขาได้เว้นไว้เพื่อทดสอบการอ่านของดิฉันและตรวจคำตอบ
ปรากฏว่าดิฉันได้คะแนน 80% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
จากการฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่วันที่
1-7 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการอ่านเรื่องต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
4 เรื่อง ดังนี้ บทความเกี่ยวกับสุขภาพเรื่อง six health
tips 1 บทความ นิทานเรื่อง The princess and the pea 1 เรื่อง อ่านข่าวเรื่อง Ultra violence in Laos sparks warning
for football fans และสุดท้ายอ่าน passage เรื่อง
Magnets and Electromagnets แล้วฝึกเติมคำที่เขาได้เว้นไว้เพื่อทดสอบความเข้าใจในการอ่าน
พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น อ่านเรื่องต่างๆได้เข้าใจมากขึ้น
รู้จักคำศัพท์มากขึ้น และเข้าใจรูปประโยคในแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น
สามารถหาประธานและกริยาในประโยคยาวๆได้เร็วขึ้น และมีกลวิธีในการอ่านที่ดีขึ้น
และแปลความหมายของบทอ่านได้เข้าใจมากขึ้น
ทำให้มีความสนุกกับการอ่านเรื่องต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น
ซึ่งในสัปดาห์ดิฉันไม่ได้เพียงฝึกทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว
เพราะจากที่ดิฉันได้อ่านบทอ่านต่างๆแล้วนั้นทำให้ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงให้มี
intonation และมีสำเนียงที่น่าฟัง
รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการแปลควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
เพราะเราจะไม่สามารถอ่านเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษได้เข้าใจหากเราไม่ได้แปลเนื้อเรื่องนั้นมาเป็นภาษาแม่
เพราะเราจะสามารถเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่เราอ่านจากภาษาแม่ได้ดีกว่าภาษาที่สองแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น