วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (15th September, 2015)


การฝึกทักษะการฟัง2

ในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนไปแล้ว โดยดิฉันได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ดังนี้ การโพสต์ข้อความลงบน Facebook ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่ได้ประสบมา การเขียนบันทึกประจำวัน การเขียนสรุปความจากนิทานเรื่อง Rapunzel และการเขียนเรียงความเรื่อง My unforgettable childhood memory ซึ่งจากการฝึกทักษะด้วยวิธีการต่างๆเหล่านี้ ทำให้ดิฉันสามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้ดีขึ้น มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องไวยากรณ์และทักษะในการเขียนมากขึ้น ดิฉันจึงคิดว่า ดิฉันต้องการที่จะฝึกพัฒนาทักษะทางภาษา ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเหล่านี้ ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้มีความสามารถและมีทักษะที่ดีต่อการนำไปใช้ สำหรับในสัปดาห์นี้ ดิฉันจึงได้วนมาที่การฝึกทักษะการฟังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการทบทวนความจำ และเพิ่มความสามารถในการฟังให้ดีขึ้น เพราะในการฝึกทักษะการฟังของดิฉันในรอบที่แล้ว ถึงแม้จะมีการพัฒนาขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดิฉันสามารถฟังสิ่งต่างๆได้เข้าใจทั้งหมดเสียทีเดียว และเหตุผลหลักที่ดิฉันต้องการฝึกทักษะการฟังเพิ่ม เพราะจากการที่ดิฉันได้ดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องวัน Halloween ในคาบเรียนของอาจารย์ Charles M. Fisher พบว่าดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ได้ดูสักเพียงใด เพราะดิฉันยังฟังตัวละครพูดยังไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ไม่ค่อยเข้าใจในเนื้อหาของภาพยนตร์ ทำให้ส่งผลต่อการเรียนในวิชานั้นด้วย จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ในสัปดาห์นี้ ดิฉันจึงได้ฝึกทักษะการฟังตั้งแต่วันที่ 15-21 กันยายน พ.ศ. 2558 ดังนี้
ในวันที่ 15-16 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า   Love me like you do ของศิลปินชื่อว่า Ellie Goulding จาก Youtube ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังฟังง่าย เพราะคำศัพท์ที่ปรากฏในเพลงนั้น เป็นคำศัพท์ที่ไม่ยาก เป็นคำที่เราพบเจอบ่อยๆ ทำให้ง่ายต่อการฟัง การเข้าใจในเนื้อหาของเพลง และการร้องตามเพลง ซึ่งสำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ในวันที่ 15 ดิฉันเริ่มจากการเปิดเพลงทิ้งไว้และนั่งทำการบ้านไปด้วย แล้วลองฟังดูว่าในเพลงนั้นเขาร้องว่าอย่างไร โดยฉันจะเปิดอยู่อย่างนั้น 10 รอบ เพราะการฟังสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานั้น จะสามารถทำให้เราจำได้ดี และจากนั้นดิฉันลองร้องตามเพลงนั้นจากการฟังเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้น ดิฉันจึงมาตั้งใจนั่งดูมิวสิกวิดีโอ 1 รอบ เพื่อเดาความหมายของเพลงว่าจะเป็นไปในทางไหน เพราะมิวสิกวิดีโอนี้ จะสื่อถึงเนื้อเพลงได้ดี แล้วหลังจากนั้นดิฉันจึงมาเปิดดูเนื้อเพลง โดยเปิดเพลงแบบที่มี lyrics แล้วดูว่าคำร้องของเพลงนี้ตรงกับคำที่ดิฉันคิดไว้หรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรง มีเพียงบางคำเท่านั้นที่ดิฉันฟังไม่ชัด ส่วนในวันที่ 16 ดิฉันได้เปิดเพลงนี้อีกครั้งและฟังแล้วหัดร้องตาม โดยดู lyrics ที่ยังมีเสียงนักร้องอยู่ 5 รอบ และฝึกร้องแบบ Karaoke อีก 5 รอบ และฝึกร้องโดยไม่ดู lyrics และ Karaoke ใดๆอีก 5 รอบ สำหรับเนื้อหาในเพลงนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นเป็นสิ่งต่างๆรอบตัวเธอ เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นไปในแบบนั้นแบบนี้ และตอนนี้เธอต้องการให้เขารักเธอในแบบที่เขารัก และไม่ต้องมัวรออะไรอยู่ ให้เขารักเธอเลย
ในวันที่ 17-18 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟังจากการฟังบทสนทนาเรื่อง Learn English through comedy film with Subtitle จาก https://www.youtube.com/watch?v=FA0B5EUY-1w ซึ่งมีความยาว 56.57 นาที บทสนทนานี้เป็นบทสนทนาที่ฟังง่าย เป็นสนทนาสั้นๆและมีคำศัพท์และประโยคง่ายๆปรากฏอยู่ในบทสนทนาอยู่มาก อีกทั้งบทสนทนายังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเคยได้เจอหรือได้สนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้วด้วย จึงเป็นการง่ายในการทำความเข้าใจ นอกจากนี้บทสนทนานี้ยังเป็นบทสนทนาที่มีความตลก ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสนุกกับการฝึกทักษะด้วย เมื่อเรามีความสนุกกับสิ่งใดๆแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถทำสิ่งนั้นๆ ออกมาได้ดี สำหรับการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนี้ ในวันที่ 17 ดิฉันเริ่มจากการฟังบทสนทนาโดยได้ย่อหน้าของเว็บไซต์นี้ไว้พร้อมกับการพิมพ์งานไปด้วย ในครั้งแรก 1 รอบ แล้วในรอบที่ 2 ดิฉันฟังบทสนทนาไปพร้อมกับการดูคลิปวิดีโอและการอ่าน Subtitle ที่เขาได้กำหนดมาให้ด้วยในบทสนทนา ส่วนในวันที่ 18 ดิฉันได้ฟังบทสนทนานั้นอีกครั้งโดยไม่ดู Subtitle และทำความเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดของการบทสนทนา ซึ่งในบทสนทนานี้ มีเรื่องสั้น หลายเรื่องรวมอยู่ในคลิปวิดีโอเดียวกัน เช่น เรื่องการรับพนักงานเข้ามาใหม่ในบริษัท โดยได้เริ่มจากการแนะนำตัว การกรอกข้อมูลส่วนตัว การทานอาหารร่วมกับเพื่อนในบริษัท การทำงานต่างๆ เรื่องการแนะนำทิศทาง และเรื่องการอยู่ร่วมกันในครอบครัว การแนะนำแฟนให้ครอบครัวรู้จัก  เป็นต้น
ในวันที่ 19-20 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการดูหนังเรื่อง A Cinderella story , once upon a song ซึ่งได้ยืมมาจากห้อง American Corner เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้เพราะเนื่องด้วยดิฉันเป็นคนชอบที่ฟังเพลง ชอบเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักที่โรแมนติก ซึ่งดิฉันเริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยเริ่มจากในวันที่ 19 ดิฉันดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและไม่เปิด subtitle ใดๆ 1 รอบ โดยดิฉันได้ตั้งใจฟังและดูเป็นอย่างมาก ส่วนในวันที่ 20 ดิฉันได้ดูหนังโดยการฟังเสียงเป็นภาษาอังกฤษและอ่าน subtitle ที่เป็นภาษาอังกฤษไปด้วย 1 รอบ ซึ่งทำให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด และสรุปได้ว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการร้องเพลง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของนางเอกที่ชื่อว่า เคธี่ เธอได้อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและถูกแม่เลี้ยงเอาเปรียบเธอในหลายๆเรื่อง ชอบสั่งให้เธอทำโน่นทำนี่เสมือนเธอเป็นคนรับใช้ และเธอมีพรสวรรค์ในการร้องเพลง แต่เบฟ ซึ่งเป็นลูกสาวของแม่เลี้ยงร้องเพลงไม่เป็น แต่แม่เลี้ยงอยากให้เบฟร้องเพลงเป็นเพราะเธอต้องการเกียรติและอำนาจ ซึ่งในขณะนั้นพระเอกซึ่งเป็นเจ้าของค่ายเพลงกำลังมองหานักร้องเสียงดี แม่เลี้ยงจึงให้เคธี่ร้องเพลง และให้เบฟลิปซิงค์เสียงของเคธี่ แต่ในวันที่เบฟขึ้นร้องเพลง น้องชายของเบฟได้เอาโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงของเคธี่มาทำลาย  จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าเบฟไม่ได้ร้องเอง แต่เป็นเคธี่ที่ร้องเพลง ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต่อมาจึงได้ชื่นชอบกับการร้องเพลงของเคธี่ ต่อมาเธอได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในที่สุด ซึ่งจากการที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในทั้ง 2 รอบ ทำให้ดิฉันได้ฝึกการฟังมากขึ้นและสามารถฟังได้เข้าใจมากขึ้น
ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเรื่อง accidents จากhttp://www.listenaminute.com/a/accidents.html  ซึ่งที่ดิฉันเลือกฟังเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย แต่สำเนียงการพูดที่เขาพูดค่อนข้างเร็วและฟังยาก แต่เราจำเป็นจะต้องฝึกฟังสิ่งที่ยากๆเอาไว้ แล้วหลังจากที่เราได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาจะมี passage ทั้งหมดมาให้แต่ใน passage นี้จะมีการ blank ที่ว่างคำต่างๆเอาไว้ให้เรานำคำที่เราได้จากการฟังมาเติมลงไปให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการทดสอบการฟังของเราว่ามีความเข้าใจและฟังได้ถูกต้องเพียงใด ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟัง passage ก่อน 5 รอบ แล้วจึงจับใจความว่าเรื่องราวภายใน passage นั้นเกี่ยวข้องกับอะไรและเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากนั้น จึงมาฟัง passage ไปพร้อมกับการดู incomplete passage ที่เขาได้กำหนดให้มาอีก 5 รอบ และใน 2 รอบสุดท้าย จึงได้ฟังไปพร้อมกับการดู passage และมีการจับจุดเฉพาะจุดที่เขาต้องการให้เราเติมคำลงไปในช่องว่างที่เขาได้เว้นไว้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่ได้เติมคำลงไปและตรวจคำตอบแล้วพบว่า คำตอบที่ได้ตอบไปนั้นมีความถูกต้อง 80% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและถือว่ามีทักษะในการฟังที่ดีขึ้นแล้ว และมีความเข้าใจในเนื้อหาของเรื่อง ซึ่งจากการฟังสรุปได้ว่า passage นี้เป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเกิดอุบัติในชีวิตของเขา ซึ่งเกิดขึ้นกับเขาหลายๆครั้งและส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณบ้าน และเขามีเพื่อนคนหนึ่งที่มักประสบอุบัติเหตุบ่อยมาก เมื่อเขาได้พบกัน เพื่อนของเขามักเล่าเรื่องอุบัติเหตุครั้งล่าสุดที่เขาไปประสบมา

จากการฝึกทักษะการฟังตั้งแต่วันที่ 15-21 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการฟังเพลงที่มีชื่อว่า Love Me Like You Do 1 เพลง ฟังบทสนทนาเรื่อง Learn English through comedy film with Subtitle 1 บท ดูหนังเรื่อง A Cinderella story , once upon a song 1 เรื่อง และฟัง passage เรื่อง accidents แล้วเติมคำที่หายไปใน passage  1 passage พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้นกว่าการฝึกทักษะการฟังในรอบแรก สามารถฟังสิ่งต่างๆทั้งเพลง บทสนทนาและดูหนังได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และสนุกมากขึ้น ทำให้เพลิดเพลินกับการดูหนังและฟังเพลง ไม่เบื่อหน่ายเมื่อได้ฟังบทสนทนาที่มีความยาวร่วมชั่วโมง และยังมีความสุขในการพัฒนาทักษะของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการทำความเข้าใจเหมือนแต่ก่อน สามารถฟัง passage และสามารถเติมคำที่หายไปได้ถูกต้องกว่า 80% ซึ่งนั่นถือว่ามีการพัฒนาทักษะได้ดีขึ้น ทั้งนี้ การฝึกทักษะในครั้งนี้ยังทำให้ดิฉันได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับการทำในสิ่งที่ไร้สาระ และได้เปลี่ยนทัศนคติของดิฉันที่มีต่อหนังต่างชาติได้ดีขึ้น จากที่เมื่อก่อนดิฉันคิดว่าการดูหนังภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยากแก่การเข้าใจและเข้าถึง แต่ตอนนี้กลับทำให้ดิฉันชอบหนังต่างชาติมากกว่าหนังไทยเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันยังได้ฝึกทักษะการแปลและการตีความหมายจากการอ่าน Subtitle ทั้งในเพลง บทสนทนา และหนังอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น