วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 1st September, 2015


Learning log
1st September, 2015

สังคมในอดีตผู้คนมักจะรักใคร่กลมเกลียวและรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน เมื่อเกิดปัญหาก็หันหน้าเข้าหากันเพื่อตกลงทำความเข้าใจและให้อภัยแก่กัน จึงส่งผลให้ผู้คนในอดีตมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีฐานะที่ดี ถึงแม้จะมีการศึกษาน้อยและมีสังคมที่อาจจะยังไม่ได้รับการพัฒนาไปมากก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากสังคมในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง ทั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีความเจริญก้าวหน้าไปมาก ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การปกครอง การคมนาคมขนส่งและการศึกษา แต่ผู้คนในสังคมกลับเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดีกัน และยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของสังคมในปัจจุบัน จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้คนในปัจจุบันมีเพียงความรู้ความสามารถแต่ไร้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งการที่ผู้คนจะเป็นเช่นนี้ได้นั้น เราจำเป็นต้องย้อนไปดูสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ จึงได้มีการย้อนจากหน่วยเล็กไปยังหน่วยใหญ่ คือเริ่มศึกษาจากตัวบุคคล ทั้งด้านพื้นฐานส่วนตัวในเรื่องครอบครัว และชุมชน จากนั้นจึงดูไปที่ครูผู้สอนและระบบการศึกษา เพราะมักมีคนกล่าวไว้ว่า การศึกษาขัดเกลาบุคคลให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะการศึกษาของไทยนั้นมักถูกควบคุมโดยรัฐบาล นั่นจึงจำเป็นต้องย้อนไปถึงระบบการปกครองนั่นเอง ดังนั้นจึงได้ยกปัญหาเหล่านี้มาเขียนจากหน่วยใหญ่ไปสู่หน่วยย่อยเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
              โดยปกติแล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่ในปัจจุบันถือว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่มักจะมาจากการซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงของประชาชนเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่ง มีการต่อสู้แก่งแย่งชิงตำแหน่งกันโดยการยอมจ่ายเงินที่มากกว่าให้ประชาชนเลือกตนเอง แต่หลังจากพวกเขาได้รับตำแหน่งแล้ว พวกเขามักจะคอร์รัปชั่นหรือโกงกินงบประมาณของบ้านเมืองซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ซึ่งเงินในส่วนที่เขาคอร์รัปชั่นไปนั้นมากกว่าเงินซื้อเสียงที่พวกเขาต้องเสียไป และประชาชนทั่วไป ยังไม่สามารถมีสิทธิ์มีเสียงในด้านการเมืองสักเพียงใด เพราะเหตุดังกล่าวเหล่านี้จึงมีผลทำให้ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารและเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีอยู่บ่อยๆ เกิดการแบ่งสี แบ่งพรรค แบ่งฝ่ายในประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นมากมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ที่มีความย่ำแย่ลงทุกวัน ส่งผลให้ประชาชนในประเทศมีความเหลื่อมล้ำทางฐานะ มีทั้งคนที่จนมากและรวยมาก ชาวต่างชาติก็เข้ามาลงทุนและเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศน้อยลง เพราะความขัดแย้งดังกล่าว ทำให้ประเทศมีรายได้น้อยลง ด้านสังคม ผู้คนในสังคมเกิดความขัดแย้งด้วยเช่นกัน ผู้คนไม่สามัคคีกัน กลายเป็นสังคมแห่งความเห็นแก่ตัว ทั้งที่เมื่อก่อนสังคมไทยถือเป็นสังคมแห่งความอบอุ่นและความรักใคร่กลมเกลียว ในเมื่อคณะบริหารประเทศยังไม่มีความแข็งแรง ยังเกิดความล้มเหลวอยู่บ่อยครั้งแล้วนั้น ประเทศจะสามารถก้าวหน้าไปได้อย่างไรและประชาชนจะรักกันได้อย่างไร ทั้งนี้ยังรวมไปถึงระบบการศึกษาด้วย
ระบบการศึกษาในประเทศไทยในปัจจุบันถือว่ากำลังประสบปัญหาอยู่ เพราะมีสาเหตุมาจากการโดนแทรกแซงทางการเมืองในด้านการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีบ่อยๆ จึงทำให้นโยบายการศึกษาได้รับการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเมื่อเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีครั้งหนึ่ง ก็มีการเปลี่ยนนโยบายการศึกษาครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่นโยบายเก่าบางนโยบายก็ดีอยู่แล้ว จึงทำให้ระบบการศึกษาของไทยไม่มีความมั่นคง นอกจากนี้ระบบการศึกษาของไทยยังเน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองเพราะผู้คนส่วนใหญ่ถือว่าเราสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้อย่างเช่น อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ทั้งยังสะดวกต่อการศึกษาอีกด้วย เพราะไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่หากเรามีความสงสัยหรือต้องการเรียนรู้เราก็สามารถเปิดหาได้ตลอด แต่นั่นก็ย่อมมีผลเสียเช่นกัน เพราะเมื่อเราเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ง่าย คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถจำเนื้อหาเหล่านั้นได้หรือไม่ใส่ใจที่จะจำ เพราะคิดว่าการเรียนโดยการจำเป็นสิ่งที่ล้าสมัยทำให้ไม่สามารถเกิดการเรียนรู้ได้เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจลืมได้ แต่ผู้คนเหล่านั้นอาจลืมไปว่าการจำและการเลียนแบบเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เพียงแต่เราต้องไม่เน้นการจำเพียงอย่างเดียวควรใช้การจำควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจและการนำไปใช้บ่อยๆด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการเรียนรู้โดยผ่านสื่อและอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ สามารถให้เราได้เพียงความรู้ในด้านเนื้อหาแต่ไม่สามารถให้ความรู้ในด้านการใช้ทักษะชีวิตและคุณธรรมจริยธรรมได้
ในการเรียนรู้เราจะไม่สามารถเรียนรู้แค่เนื้อหาเพียงอย่างเดียวได้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมด้วย เพราะถึงแม้เราจะมีความรู้มากมายเพียงใดแต่หากเราขาดคุณธรรมและจริยธรรมแล้วนั้น เราจะไม่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ การอยู่ร่วมกันในสังคมจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันโดยเฉพาะในเรื่องของการเรียนรู้เพราะเราไม่สามารถเรียนเพียงผู้เดียวได้ บ่อยครั้งที่จะต้องมีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมในการเรียนมีอยู่มากมายหลายข้อที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมี ทั้งความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์สุจริต ความมีวินัย การมีจิตสาธารณะ การใฝ่เรียนรู้ และการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจำเป็นจะต้องปลูกฝังให้กับผู้เรียนตั้งแต่เด็ก ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” โดยการสอนคุณธรรมและจริยธรรมสอดแทรกไปในเนื้อหาวิชาที่เขาเรียน จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสอนคุณธรรมและจริยธรรมบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวของพ่อแม่ ครูอาจารย์และผู้ใหญ่ในสังคมด้วย เพราะเด็กมักจะเรียนรู้จากการจดจำ การสังเกตและการเลียนแบบ ซึ่งหากผู้ใหญ่ในสังคมไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมแล้วนั้น เราจะไม่สามารถสอนให้เด็กมีสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเขาจะสามารถอ้างไปถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้ใหญ่ว่า ในเมื่อผู้ใหญ่ทำได้ เขาก็ทำได้เช่นกัน

จากปัญหาด้านการคอร์รัปชั่น การซื้อสิทธิ์ขายเสียง การแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายจนนำไปสู่การเกิดความขัดแย้งในด้านการเมืองที่กล่าวมาแล้วนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อจุดสำคัญของประเทศอย่างระบบการปกครองเกิดปัญหาแล้ว จะส่งผลกระทบไปสู่ทุกด้านในประเทศชาติ ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และการคมนาคมขนส่ง เพราะในสังคมนั้น ผู้นำสังคมถือว่าเป็นเสาหลักของประเทศ หากผู้นำและระบบการปกครองไม่มีความมั่นคงและเต็มไปด้วยความขัดแย้งแล้วก็จะทำให้ประเทศชาติไม่เกิดความเจริญก้าวหน้าและไม่ได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นโดยเฉพาะการส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษา เพราะการศึกษาคือการพัฒนาและขัดเกลาบุคคลให้เป็นคนที่ดี เป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศชาติเกิดการพัฒนาและสามารถเทียบเท่ากับประเทศอื่นได้ แต่เมื่อบุคคลในสังคมขาดการศึกษาหรือมีระบบการศึกษาที่ไม่ดี ก็จะทำให้คนในสังคมไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมทำให้สังคมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทำให้ประเทศชาติของเรากลายเป็นสังคมที่คนภายนอกไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมไปถึงไม่รับคนในสังคมเข้าไปอยู่อาศัยหรือทำงานที่ประเทศของเขา ก็จะทำให้ผู้คนไม่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น