การฝึกทักษะการพูด2
ในสัปดาห์ที่แล้วดิฉันได้กลับไปฝึกทบทวนทักษะการฟังอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาทักษะได้ดีขึ้น ดิฉันสามารถฟังได้เข้าใจมากขึ้น
สามารถจับประเด็นใจความสำคัญของสิ่งที่ฟังได้ดีขึ้น และยังสามารถตอบคำถามจากสิ่งที่ฟังได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ การฝึกทักษะในครั้งนี้ยังทำให้ดิฉันได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับการทำในสิ่งที่ไร้สาระ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ในการฝึกทักษะใดทักษะหนึ่งนั้น จะต้องได้รับการต่อยอดและการทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจึงจะเกิดความชำนาญและประสบความสำเร็จ
ดังนั้นในสัปดาห์นี้ดิฉันก็จะฝึกฝนเกี่ยวกับทักษะการพูด
เพราะในการฝึกทักษะการพูดนั้น เราจะได้ใช้ทักษะการฟังด้วย นั่นคือได้ฝึกทักษะทั้ง
2 ควบคู่กันไปในครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น
ทักษะการพูดยังเป็นทักษะในการสื่อสารที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย สะดวกและเป็นที่นิยมมากที่สุด
เพราะทำให้การสื่อสารนั้นรวดเร็วและเข้าใจได้ง่าย ซึ่งการที่เราสามารถพูดได้ดี
คล่องแคล่ว และออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจนทุกคำพูดนั้น
จะสามารถทำให้ผู้ฟังหรือผู้ร่วมสนทนาสามารถพูดและสื่อสารกับเราได้ดี สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้เป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเราพูดผิดเพี้ยน หรือพูดตะกุกตะกักก็จะทำให้ผู้ฟังหรือผู้ร่วมสนทนากับเราเกิดความเบื่อหน่าย
และไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด ก็จะทำให้การสนทนาหรือการสื่อสารนั้นไม่ประสบความสำเร็จได้
ซึ่งทักษะการพูดที่ดีเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นกับตัวของดิฉัน ดิฉันจึงได้เริ่มฝึกทักษะการพูด
ตั้งแต่วันที่ 22-28 กันยายน พ.ศ.2558 ดังนี้
ในวันที่ 22-23 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจากการดูวีดีโอใน
YouTube
เรื่อง Spoken English Leaning Video Spoken English
Tutorial English Conversation ความยาวของวีดิโอ คือ 20.42 นาที จาก
https://www.youtube.com/watch?v=IhQt_fxGOcw ซึ่งดิฉันได้เลือกวิดีโอนี้ก็เพราะ
ภาษาที่เขาให้พูดนั้นฟังง่าย พูดไม่เร็ว ออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจน มีสำเนียงที่ดี
ทำให้การพูดตามบทสนทนาของดิฉันนั้นสามารถทำได้ง่ายและดีไปด้วย ซึ่งในวิดีโอนี้
ประกอบไปด้วย การสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ และบทสนทนาที่เป็นสถานการณ์จำลองต่างๆ
อีก 18 สถานการณ์ ซึ่งแต่ละสถานการณ์มีเนื้อหาที่ดีและเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยเริ่มการสนทนาจากการลำดับความสำคัญของบทสนทนาที่ได้ใช้บ่อยๆ ดังต่อไปนี้ เช่น introducing
yourself, hello and goodbye, telling the time, personal information, shopping, at
the airport, asking for directions, getting a room in the hotel, etc. โดยในวันที่ 22 ดิฉันได้ฝึกฟังและพูดตามบทสนทนา 9 สถานการณ์แรกก่อน
โดยดิฉันได้เปิดฟังการสนทนาทั้ง 9 บทก่อนในรอบแรก ส่วนในรอบที่ 2
ดิฉันได้ฝึกพูดตามตัวละครในวิดีโอ โดยการฟังตัวละครพูดทีละประโยค แล้วกดหยุดวิดีโอ
จากนั้นจึงพูดตามจนครบทั้ง 9 สถานการณ์ และในรอบที่ 3
ดิฉันได้พูดไปพร้อมกับตัวละครเลย ส่วนในวันที่ 23 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่ 22
คือฟังและพูดตามบทสนทนาทั้ง 3 รอบ แต่เปลี่ยนเป็นบทสนทนาของ 9 สถานการณ์หลัง นอกจากนี้ดิฉันยังได้รู้คำศัพท์เพิ่มเติมที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ดิฉันคิดว่าวีดิโอนี้มีความเหมาะสมมากในการฝึกทักษะการพูดสำหรับผู้ที่ยังไม่มีทักษะในการพูดที่ดีอย่างดิฉัน
ในวันที่ 24-25
กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจากการดูวีดีโอใน YouTube เรื่อง Listening English Conversation With Subtitle
- Learn English Listening ความยาวของวีดิโอ
คือ 58.50 นาที จาก https://www.youtube.com/watch?v=tYx_pTuLvmE ดิฉันได้เลือกวิดีโอนี้เพราะเป็นบทสนทนาที่เราสามารถพบเจอได้จริงในชีวิตประจำวัน
ทั้งยังฟังง่ายและเข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะพูดเร็วกว่าวิดีโอที่แล้ว
แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดิฉันยังสามารถฟังได้เข้าใจเกือบทุกคำ มีการออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจน
มีสำเนียงที่ดี ทำให้ง่ายดายต่อการฝึกพูดตาม ซึ่งในวิดีโอนี้ ประกอบไปด้วย
การเรียนรู้ไวยากรณ์ผ่านบทสนทนาที่เขาได้กำหนดมา
ซึ่งไวยากรณ์ที่ได้เรียนรู้มีดังนี้ เช่น prepositions of time, the
definite article, conjunctions, Daisy’s summer job, Bizarre food in Bali, some
any every and no, verb + ing or verb + infinitive, etc. ซึ่งมีบทสนทนาที่เป็นสถานการณ์จำลองต่างๆ
จำนวน 14 สถานการณ์ ซึ่งแต่ละสถานการณ์มีเนื้อหาแตกต่างกันไปตามหัวข้อของไวยากรณ์ที่เราจะได้เรียนรู้
ซึ่งบทสนทนามีความยาวมากกว่าวิดีโอที่แล้วดิฉันจึงได้ฝึกเพียงครึ่งละ 2 รอบ
แต่จะพูดแต่ประโยคให้ได้จนคล่องจึงจะผ่านไปยังประโยคต่อไป โดยในวันที่ 24 ดิฉันได้ฟังการสนทนาทั้ง 7 บทก่อนในรอบแรก ส่วนในรอบที่ 2 ดิฉันได้ฝึกพูดตามตัวละครในวิดีโอ โดยการฟังตัวละครพูดทีละประโยค
แล้วกดหยุดวิดีโอ จากนั้นจึงพูดตามจนครบทั้ง 7 สถานการณ์ ส่วนในวันที่ 25 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่ 24 คือฟังและพูดตามบทสนทนาทั้ง
2 รอบ แต่เปลี่ยนเป็นบทสนทนาของ 7 สถานการณ์หลัง ดิฉันคิดว่าวีดิโอนี้ดีและเหมาะสมในการฝึกพูดให้มีสำเนียงต่างประเทศมาก
เพราะการพูดเป็นธรรมชาติกว่าวิดีโอก่อน
ในวันที่ 26-27
กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจากการดูวีดีโอใน YouTube เรื่อง English Conversation Learn English Speaking English
Subtitles Lesson 03 ความยาวของวีดิโอ คือ 27.15นาที จาก https://www.youtube.com/watch?v=qXQsHOhbc-8 ดิฉันได้เลือกวิดีโอนี้เพราะเป็นบทสนทนาที่เราสามารถพบเจอได้จริงในชีวิตประจำวัน
และเป็นการสนทนาจริงๆระหว่างคนพูดและคนฟัง เพราะวิดีโอทั้ง 2 ที่ผ่านมา
เป็นการใช้การ์ตูนเป็นตัวละคร ซึ่งภาษาที่เขาใช้พูดนั้นค่อนข้างเร็ว แต่ก็มี subtitle
ให้อ่าน จึงสามารถรู้ได้ว่าเขาพูดอะไรบ้าง
และสำเนียงในวิดีโอนี้ดีมาก มีการออกเสียงได้ดีชัดเจน ฟังได้ไม่ยาก ซึ่งในวิดีโอนี้ ประกอบไปด้วย บทสนทนาทั้งหมด 3
บทสนทนา ซึ่งเกี่ยวกับ การพูดคุยเรื่องการซื้อเสื้อโค้ชตัวใหม่
ซึ่งเป็นการถามเกี่ยวกับไซส์ สี และลักษณะที่ต้องการ และการพูดคุยเกี่ยวกับกาแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้กับอีกคนได้รู้จัก
และสุดท้าย คือ
การพูดคุยเกี่ยวกับการวางแผนการเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ซึ่งเมื่อจบบทสนทนาหนึ่งแล้วนั้น จะมีการสอนเกี่ยวกับไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องในบทสนทนานั้นๆด้วย
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง ดังนี้ โดยในวันที่ 26 ดิฉันได้ฝึกฟังและพูดตามบทสนทนาทั้งหมด
โดยการฟังตัวละครพูดทีละประโยค แล้วกดหยุดวิดีโอ จากนั้นจึงพูดตามในรอบแรก ส่วนในรอบที่
2 ดิฉันได้พูดไปพร้อมกับตัวละครเลย ส่วนในวันที่ 27 ดิฉันได้ทำเช่นเดียวกับวันที่
26 คือฟังและพูดตามบทสนทนาทั้งหมดในรอบแรก และพูดพร้อมตัวละครในรอบที่สอง นอกจากดิฉันได้ฝึกการพูดแล้ว
ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ไปในตัวด้วย ดิฉันจึงคิดว่าวิดีโอนี้
เป็นวิดีโอที่ดีมาก
ในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดโดยการพูดคุยกับเพื่อนในห้องเป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
และในขณะที่ดิฉันได้ฝึกพูดกับเพื่อนๆนั้น คำใดที่ดิฉันออกเสียงผิดหรือพูดฟังยาก
เพื่อนก็จะช่วยบอกให้ดิฉันได้แก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งพวกเราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเรียน การทำการบ้าน การเลือกซื้ออาหารในโรงอาหาร
และเรื่องราวส่วนตัวทั่วไป ซึ่งเพื่อนๆก็เต็มใจที่จะพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษกับดิฉัน
เพราะพวกเขาจะได้ฝึกการพูดของพวกเขาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ดิฉันยังได้โทรคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติของดิฉันผ่าน
Facebook ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับดิฉันแล้วและเราก็ยังโทรหากันอยู่บ้างอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
ซึ่งเขาก็บอกว่าสำเนียงของดิฉันดีขึ้นและฟังได้ง่ายและเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังต้องปรับปรุงอยู่มาก
แต่นั่นดิฉันก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดของดิฉันโดยการพูดคุยกับตนเองหน้ากระจก
โดยการถามและตอบตัวเอง
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูตลกแต่มันช่วยให้ดิฉันมีบุคลิกภาพที่ดีในขณะที่พูด
ได้ดูการใช้ภาษาและท่าทางของตนเองในขณะที่พูด
ซึ่งก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันในการพูดคุยกับผู้อื่น ทั้งยังทำให้ดิฉันมีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดและกล้าที่จะพูดกับชาวต่างชาติเมื่อได้พบเจอเขาในสถานการณ์ต่างๆจริงๆ
จากการที่ดิฉันจึงได้เริ่มฝึกทักษะการพูด
ตั้งแต่วันที่ 22-28
กันยายน พ.ศ.2558 โดยดิฉันได้ฝึกโดยการฟังและพูดตามบทสนทนาต่างๆ
ผ่าน Youtube ทั้ง 3 วิดีโอ ดังนี้ คือ ในวันที่ 22-23
ได้ฝึกด้วยวิดีโอ Spoken English Leaning Video Spoken English Tutorial
English Conversation ในวันที่ 24-25 ได้ฝึกด้วยวิดีโอ Listening
English Conversation With Subtitle - Learn English Listening และในวันที่ 26-27 ได้ฝึกด้วยวิดีโอ English
Conversation Learn English Speaking English Subtitles Lesson 03
ส่วนในวันที่ 28 ได้ฝึกพูดกับเพื่อนและพูดกับตัวเอง ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดนั้น
ดิฉันได้รับประโยชน์จากการฝึกเหล่านี้มากมาย ทำให้ดิฉันมีความมั่นใจในการพูดมากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะไม่คล่องแคล่วและชำนาญเหมือนเจ้าของภาษา แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการฝึกการพูดในครั้งที่แล้วนั้น
ดิฉันคิดว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นมากพอสมควร
และที่สำคัญในสัปดาห์นี้นอกจากดิฉันจะได้ฝึกทักษะการพูดแล้ว ในแต่ละสื่อและเนื้อหาของวิดีโอยังทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง
การอ่านจาก subtitle คำศัพท์ต่างๆที่ดิฉันยังไม่เคยได้รู้
และได้ทบทวนไวยากรณ์ต่างๆที่มีในบทสนทนาอีกด้วย
ซึ่งดิฉันคิดว่า ดิฉันจะยังคงฝึกฝนทักษะต่างๆเหล่านี้ต่อไป
โดยเฉพาะการฟังและการพูด เพราะเป็นทักษะที่เราจำเป็นต้องใช้ในการสื่อสารบ่อยมากที่สุด
และดิฉันเชื่อว่า
การที่เราจะเกิดความชำนาญและประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น
เราจำเป็นต้องฝึกฝนการใช้ทักษะต่างๆเหล่านั้นอยู่เสมอ
เพราะหากเราไม่คอยหมั่นฝึกฝนจะทำให้เราลืมและใช่ทักษะเหล่านั้นได้ไม่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น